ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งกระบวนการ เพิ่มเครื่องหมายเตือนนักลงทุนกรณีบจ. มีปัญหาการเงิน พร้อมปรับเกณฑ์ Backdoor Listing ให้เข้มข้นเท่าการ IPO ทยอยมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 25 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยประสบกับข่าวฉาวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกรณีหุ้น MORE และหุ้น STARK ซึ่งลดทอนความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทจดทะเบียน ทำให้ตลท. ต้องเร่งหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ในการดูแลบจ. และการซื้อขายให้ปลอดภัยแก่นักลงทุนมากยิ่งขึ้น
ในวันนี้ (20 ก.พ. 2567) นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำงานร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. อย่างต่อเนื่องในการศึกษา ทบทวน และปรับปรุงเกณฑ์ต่างๆ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
หลังจากการศึกษาทบทวนอย่างถี่ถ้วน ตลท. ได้ดำเนินการปรับกฎเกณฑ์ยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนทั้งกระบวนการเข้าจดทะเบียน การดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียน ตลอดจนการเพิกถอน เพื่อเพิ่มคุณภาพบริษัทจดทะเบียนทั้งด้านฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน
พร้อมกันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ยังได้เพิ่มการเปิดเผยข้อมูลและการเตือนผู้ลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพให้ตลาดทุนไทย และจัดให้มีการแยกประเภทเครื่องหมาย “C” เพื่อเตือนผู้ลงทุนในกรณีที่บริษัทจดทะเบียนมีเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินและการดำเนินธุรกิจ หรือมีสารสนเทศที่ต้องชี้แจงหรือรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากมีการปรับปรุงการเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหลักทรัพย์ให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลมากขึ้น ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลท. ยังได้ปรับปรุงการพิจารณาคุณสมบัติ Backdoor Listing และ Resume Trading ให้เทียบเท่า New Listing โดยเริ่มทยอยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป
เพื่อยกระดับคุณภาพของบริษัทจดทะเบียน ตลท. ได้ปรับปรุงคุณสมบัติของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนทั้งใน SET และ mai โดยการเพิ่มมูลค่ากำไรและส่วนของผู้ถือหุ้น เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทั้งด้านฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน
คุณสมบัติของบริษัทที่สามารถจดทะเบียนใน SET และ mai ได้มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ดังนี้
เกณฑ์ใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2568 เพื่อให้บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนและผู้ที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามเกณฑ์ใหม่ได้
นอกจากเกณฑ์ในการจดทะเบียนบริษัทแล้ว ตลท. ยังได้ยกระดับการเตือนผู้ลงทุน โดยเพิ่มเหตุที่จะเตือนผู้ลงทุนด้วยเครื่องหมายต่างๆ จากเดิมที่มีแค่ “C” (Caution) ดังนี้
เกณฑ์ใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 มีนาคม 2567 และหากบจ. แก้ไขไม่ได้ในระยะเวลาที่กำหนดจะเข้าข่ายมีสิทธิถูกเพิกถอน และจะถูกปลด C แล้วขึ้นเป็น SP หรือ Trading Suspension
นอกจากนี้ ตลท. ยังเพิ่มเหตุเพิกถอนกรณีบริษัทจดทะเบียนไม่มีธุรกิจต่อเนื่องหลายปี หรือไม่สามารถแก้ไข Free Float ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจดทะเบียนมีคุณภาพเหมาะสมที่จะเป็นบริษัทจดทะเบียน
นอกจากนี้ จากกรณี STARK ตลท. ยังเพิ่มความเข้มข้นในการพิจารณาคุณสมบัติบริษัทที่เข้าจดทะเบียนโดยอ้อม (Backdoor Listing) และกรณีย้ายกลับมาซื้อขายหลังแก้ไขเหตุอาจถูกเพิกถอน (Resume Trading) ให้เทียบเท่ากับการเข้าจดทะเบียนใหม่ (New Listing) เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนมีคุณภาพใกล้เคียงกัน
โดยหลังมีการปรับเกณฑ์ ก.ล.ต. จะเข้ามามีส่วนร่วมพิจารณาบริษัทที่จะทำการ Backdoor Listing และบริษัทนั้นจะต้องมีที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ร่วมยื่นคำขอเหมือนกับบริษัทที่ยื่น IPO ทั่วไป รวมไปถึงจะต้องมีคุณสมบัติและกำไรตามเกณฑ์ที่ตลท. กำหนด และต้องจัด Opportunity Day อย่างน้อย 1 ครั้งในปีแรก
เกณฑ์ใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 มีนาคม 2567 เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจดทะเบียนไม่ว่าผ่านช่องทางใดมีคุณภาพเหมาะสมที่จะเป็นบริษัทจดทะเบียน
ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเกณฑ์ที่มีการปรับปรุงได้ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th ภายใต้หัวข้อ “กฎเกณฑ์/การกำกับ” และ “กฎเกณฑ์ – หนังสือเวียนส่วนที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์จดทะเบียน”