Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ตลาดหุ้นสหรัฐฯอยู่ในภาวะกลัวสุดขีด นักลงทุนสถาบันมองอย่างไร
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ตลาดหุ้นสหรัฐฯอยู่ในภาวะกลัวสุดขีด นักลงทุนสถาบันมองอย่างไร

10 พ.ย. 68
18:50 น.
แชร์

ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐร่วงลงแล้ว 2.4% ในช่วง 8 วันทำการล่าสุด (นับถึงปิดตลาด 7 พฤศจิกายน 2025) เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกังวลกับราคาหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีที่สูงขึ้นมากในปีนี้ว่าจะถึงเวลาที่ฟองสบู่แตก 

Fear and Greed Index หรือดัชนีความกลัวและความโลภของนักลงทุนในตลาด ณ เวลาก่อนเปิดตลาดวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 บ่งชี้ว่านักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐกำลังกลัวกันมาก โดยค่าดัชนีอยู่ที่ 21 อยู่ในโซน extreme fear หรือกลัวสุดขีด

ในทางหนึ่งการที่ตลาดอยู่ในภาวะกลัวสุดขีดก็เป็นสัญญาณว่าราคาหุ้นถูกกดดันลงมากเกินไปแล้ว และอาจเป็นโอกาสเข้าซื้อสำหรับคนที่รอจังหวะดีๆ ในภาวะที่ตลาดขึ้นสูงมาอย่างต่อเนื่องหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ในอีกทางหนึ่ง ภาวะกลัวสุดขีดก็เป็นความเสี่ยงที่สูงมาก เพราะราคาหุ้นอาจจะยังไม่ต่ำสุดและยังร่วงลงต่อไปอีก 

SPOTLIGHT ชวนมาดูว่านักลงทุนสถาบันมีความเห็นอย่างไรกันบ้างต่อภาวะตลาดในตอนนี้ และมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงจุดยืนการลงทุนหรือไม่

แค่ปรับตัวลง ไม่ใช่วิกฤต 

ราฮีล ซิดดิคี (Raheel Siddiqui) นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโสประจำแผนกวิจัยหุ้นทั่วโลกของบริษัทจัดการการลงทุน Neuberger Berman มองว่า การที่ตลาดปรับตัวลงในช่วงนี้เป็นเพียงอุปสรรคเล็กๆ ไม่ใช่ภาวะที่จะสร้างความเสียหายใหญ่โต 

“มันคือเนินชะลอความเร็ว มันไม่ใช่กำแพงที่คุณจะต้องพุ่งรถเข้าไปและได้รับความเสียหายมากกว่าที่ใครๆ คาดการณ์ไว้ … ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่มากกว่าการปรับฐานธรรมดา อย่างภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตลาดหมี หรืออะไรที่เลวร้ายกว่านั้น ผมไม่คิดว่าเรามีเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้น” ซิดดิคีกล่าว 

แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงมากและการกระจุกตัวของตลาด แต่นักลงทุนมองว่า ตลาดที่อยู่ในภาวะกระทิงยังมีปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนยอมรับความเสี่ยงและเข้าซื้อหุ้น ได้แก่ การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ผ่อนคลายนโยบายการเงิน การเติบโตของการใช้จ่ายด้านทุน (CapEx) ที่ขับเคลื่อนโดย AI และภาวะเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย 

คริส ไดเออร์ (Chris Dyer) หัวหน้าร่วมและผู้จัดการการพอร์ตโฟลิโอหุ้นทั่วโลกของ Eaton Vance Equity กล่าวว่า ไม่เห็นว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงสถานะการลงทุน และไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม เขาออกตัวว่า ไม่ได้หมายความว่าการเปลี่ยนแปลงสถานะการลงทุนจะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่แค่ยังมองไม่เห็นปัจจัยสนับสนุนในตอนนี้  

แค่ความกังวลและความผันผวนระยะสั้น 

นักลงทุนบางส่วนมองว่า เหตุผลส่วนหนึ่งที่การปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหัฐฯในรอบนี้ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษก็เพราะว่า การปรับตัวลงของตลาดเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นนับตั้งแต่การเทขายเพราะมาตรการภาษีของสหรัฐฯในเดือนเมษายน โดยนับตั้งแต่ที่ร่วงลงในเดือนเมษายน ดัชนี S&P 500 ก็ไม่เคยร่วงลงจากจุดสูงสุดเกิน 3% 

ไมค์ เรย์โนลด์ส (Mike Reynolds) รองประธานฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ Glenmede Wealth Management กล่าวว่า การเทขายหุ้นครั้งนี้เป็นเพียงเครื่องเตือนใจว่าความผันผวนมีอยู่จริงและมันเป็นเรื่องปกติ 

โทเบียส เฮกสเตอร์ (Tobias Hekster) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนร่วมของ True Partner Capital มองว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานมุมมองที่มีต่อตลาดหุ้น แต่สิ่งที่เห็นในตอนนี้คือความกลัวต่อความสูงของราคาหุ้นและการเทขายทำกำไร ไม่ใช่การถอนการลงทุนที่มีนัยสำคัญใดๆ 

เดวิด แวกเนอร์ (David Wagner) หัวหน้าฝ่ายตราสารทุนและผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Aptus Capital Advisors กล่าวว่า ความเสี่ยงที่ใหญ่กว่าคือการตอบสนองต่อความอ่อนแอของตลาดมากจนเกินไป โดยการถอนเงินลงทุนออก

ฟิล ออร์แลนโด (Phil Orlando) หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของ Federated Hermes กล่าวว่า แม้ว่าความกังวลในระยะสั้นอาจส่งผลกระทบต่อหุ้นในการซื้อขายล่าสุด แต่แนวโน้มระยะยาวยังคงเป็นไปในเชิงบวก อาจจะมีความผันผวนเล็กน้อยหรือความผันผวนเพิ่มขึ้นบ้างในช่วงสองสามไตรมาสข้างหน้า แต่ทีมงานของเขามองว่านั่นเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ

สิ่งที่จะทำร้ายตลาดจริงๆ คือเศรษฐกิจถดถอย 

“ตลาดกระทิงไม่ได้ตายเพราะอายุมาก แต่มันตายเพราะความหวาดกลัว” แซม สโตวอลล์ (Sam Stowall) หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA ซึ่งมองเห็นความเป็นไปได้ที่ตลาดจะเกิดความอ่อนแอต่อไปกล่าว และเขาบอกว่า สิ่งที่คนในตลาดกลัวมากที่สุดในตอนนี้คือภาวะเศรษฐกิจถดถอย 

แต่นักลงทุนบางส่วนกล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ไม่ได้แแย่ถึงขั้นจะเป็นเหตุผลที่นำไปสู่ภาวะตลาดตกต่ำ ในไตรมาส 2 เศรษฐกิจโตเร็วกว่าที่เคยประมาณการไว้ ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคก็ยังแข็งแกร่ง และการสำรวจของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติสหรัฐฯ (National Association of Business Economics) พบว่า การลงทุนทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นคาดว่าจะช่วยชดเชยการชะลอตัวของการบริโภคและการค้าโลกได้ และจะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตต่อไป 

วิคเตอร์ จาง (Victor Zhang) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ American Century Investments ซึ่งบริหารเงินทุนประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กล่าวว่า เมื่อดูปัจจัยพื้นฐานในระบบเศรษฐกิจทั่วโลก ทั้งสหรัฐฯและตลาดเกิดใหม่กำลังมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง และแม้ว่าจะมีความอ่อนแออยู่บ้าง แต่ก็เป็นระดับที่ยังถือว่าดี 

แต่ยังต้องระวังความเสี่ยง 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นแล้ว 14% ในปีนี้ และ Nasdaq ปรับตัวขึ้น 19% นักวิเคราะห์จำนวนมากจึงเห็นตรงกันว่าความเสี่ยงที่จะเกิดการเทขายเพิ่มสูงขึ้น 

นอกจากนั้น ข้อมูลข่าวสารทางเศรษฐกิจอาจกลายเป็นลบได้ เนื่องจากตอนนี้ขาดข้อมูลเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการ เพราะการปิดทำการของหน่วยงานรัฐ (government shutdown) นักลงทุนจึงต้องพิจารณาน้ำหนักที่เหมาะสมในการให้ความสำคัญกับรายงานที่ไม่เป็นทางการแต่ละฉบับ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดปฏิกิริยาตอบสนองที่มากเกินไป 

.

อ้างอิง: Reuters

แชร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯอยู่ในภาวะกลัวสุดขีด นักลงทุนสถาบันมองอย่างไร