Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เงินราคาพุ่งทะลุสถิติ คนแห่ตุนสินทรัพย์ปลอดภัย หนีภัยเศรษฐกิจโลกผันผวน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

เงินราคาพุ่งทะลุสถิติ คนแห่ตุนสินทรัพย์ปลอดภัย หนีภัยเศรษฐกิจโลกผันผวน

14 ต.ค. 68
12:18 น.
แชร์

ราคาซิลเวอร์หรือโลหะเงินในตลาดโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่เกือบ 53 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังเกิดเหตุการณ์ “Short Squeeze” ครั้งรุนแรงในตลาดลอนดอน ซึ่งเพิ่มแรงซื้อและกระตุ้นความตื่นตัวในตลาดโลหะมีค่าทั่วโลก การพุ่งขึ้นครั้งนี้เป็นผลจากแรงเก็งกำไรซ้อนทับกับกระแสเงินทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและซิลเวอร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงในสหรัฐฯ

ราคาซื้อขายทันที (Spot) ในตลาดลอนดอนปรับขึ้นสูงสุด 1% สู่ระดับ 52.8983 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติสูงสุดเดิมเมื่อเดือนมกราคมปี 2523 ที่ถูกตั้งไว้ในยุคที่พี่น้องมหาเศรษฐี ฮันท์ (Hunt brothers) พยายามผูกขาดตลาดโลหะเงินผ่านสัญญาซื้อขายของ Chicago Board of Trade (CBOT) ซึ่งในปัจจุบันถูกยกเลิกไปแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนั้นเคยทำให้ตลาดซิลเวอร์เข้าสู่ภาวะตึงตัวอย่างหนักจนเป็นที่รู้จักในชื่อ “Silver Thursday” และถูกจดจำว่าเป็นหนึ่งในวิกฤตราคาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สินค้าโภคภัณฑ์

ขณะเดียวกัน ราคาทองคำ (Gold) ก็พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ทำสถิติปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นแนวโน้มขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดในรอบหลายปี สะท้อนแรงซื้อจากนักลงทุนทั่วโลกที่มองหาที่หลบภัยจากความผันผวนในตลาดการเงิน

ความตึงตัวของสภาพคล่องในลอนดอนจุดกระแส “ล่าแท่งซิลเวอร์ทั่วโลก”

ความกังวลเกี่ยวกับการขาดสภาพคล่องในตลาดลอนดอนได้กลายเป็นชนวนให้เกิดการแย่งซื้อซิลเวอร์ทั่วโลก โดยราคาซื้อขายในลอนดอนพุ่งขึ้นเหนือระดับราคามาตรฐานในนิวยอร์กอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่วนต่างราคาที่กว้างผิดปกตินี้จุดกระแสการทำกำไรจากส่วนต่าง (Arbitrage) ระหว่างสองตลาด และส่งผลให้โลจิสติกส์ของโลหะเงินเคลื่อนไหวอย่างไม่เคยมีมาก่อน

รายงานระบุว่า เทรดเดอร์บางรายถึงกับจองพื้นที่ขนส่งสินค้าบนเที่ยวบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อขนแท่งซิลเวอร์จากนิวยอร์กมายังลอนดอน การขนส่งทางอากาศเช่นนี้มักสงวนไว้สำหรับทองคำเท่านั้น เพราะมีต้นทุนสูงมาก แต่สถานการณ์ในปัจจุบันกลับทำให้ซิลเวอร์มีมูลค่ามากพอที่จะคุ้มค่ากับต้นทุนขนส่ง ส่วนต่างราคาซื้อขายระหว่างสองศูนย์กลางการค้าอยู่ที่ราว 1.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแม้ในช่วงเช้าวันนี้ลดลงจากระดับสูงสุด 3 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ยังถือว่าสูงผิดปกติสำหรับตลาดโลหะเงิน

ในปีนี้กลุ่มโลหะมีค่าทั้งหมดอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ร้อนแรงเป็นประวัติการณ์ ข้อมูลของ Bloomberg ที่ Normalized เมื่อเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2024 ระบุว่า ราคาทองคำ แพลทินัม พัลลาเดียม และซิลเวอร์ ต่างทำสถิติปรับตัวขึ้นมากกว่า 50% ภายในปีเดียว ซึ่งสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

อัตราค่าเช่าซิลเวอร์ในตลาดลอนดอน หรือ Silver Lease Rate ซึ่งสะท้อนต้นทุนของการยืมโลหะในตลาดเงินได้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี โดยล่าสุดเมื่อวันศุกร์อัตราค่าเช่าแบบรายเดือนเพิ่มขึ้นทะลุ 30% ต่อปี (Annualized) ซึ่งถือว่าสูงจนนักเก็งกำไรที่ถือสถานะชอร์ตต้องแบกรับต้นทุนมหาศาลในการต่ออายุสัญญา

ปัจจัยที่ทำให้ตลาดลอนดอนขาดสภาพคล่องยังรวมถึงความต้องการซิลเวอร์จากอินเดียที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ซัพพลายของแท่งโลหะในคลังลอนดอนลดลงรวดเร็ว โดยก่อนหน้านี้ตลาดได้เร่งขนส่งซิลเวอร์จากยุโรปไปยังนิวยอร์กในช่วงต้นปี หลังมีความกังวลว่าซิลเวอร์อาจถูกเก็บภาษีนำเข้าภายใต้นโยบายการค้าของสหรัฐฯ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตลาดเกิดการบิดเบือนราคาอย่างรุนแรงระหว่างสองฝั่งมหาสมุทร

ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ จะประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับโลหะมีค่าในเดือนเมษายน แต่เทรดเดอร์ยังคงระมัดระวังอย่างใกล้ชิดก่อนที่รัฐบาลวอชิงตันจะประกาศผลสรุปของการสอบสวนตามมาตรา Section 232 ซึ่งเป็นการตรวจสอบ “แร่ธาตุสำคัญ (Critical Minerals)” ที่มีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยครอบคลุมโลหะอย่างซิลเวอร์ แพลทินัม และพัลลาเดียม

การสอบสวนนี้ได้รื้อฟื้นความกังวลว่าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจเพิ่มมาตรการภาษีจริง โลหะเหล่านี้อาจถูกจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าต้องเสียภาษีเพิ่มเติม ซึ่งจะยิ่งทำให้ตลาดเกิดภาวะขาดแคลนและเพิ่มแรงกดดันด้านราคาอย่างต่อเนื่อง

ตลาดซิลเวอร์เล็ก ผันผวนสูงกว่าทองคำเกือบเก้าเท่า

นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs Group Inc. ระบุในรายงานล่าสุดว่า ตลาดซิลเวอร์มี “สภาพคล่องต่ำ” และมีขนาดเล็กกว่าทองคำเกือบเก้าเท่า ซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวของราคามีความผันผวนมากกว่า “เนื่องจากไม่มีแรงซื้อจากธนาคารกลางมาค้ำจุนราคาเหมือนทองคำ การไหลออกของเงินลงทุนแม้เพียงชั่วคราวก็สามารถจุดชนวนให้เกิดการปรับฐานที่รุนแรงได้ เพราะจะคลายความตึงตัวในลอนดอนซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของราคาที่เพิ่มขึ้นในรอบล่าสุด” รายงานระบุ

ข้อมูลจาก Bloomberg ยังเผยว่าตลอดปีนี้ โลหะมีค่าทั้งสี่ชนิด ทองคำ ซิลเวอร์ แพลทินัม และพัลลาเดียม ปรับขึ้นระหว่าง 56% ถึง 81% ซึ่งทำให้กลุ่มโลหะมีค่าเป็นกลุ่มสินค้าการเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปี 2568

การปรับตัวของทองคำได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก การเพิ่มขึ้นของการถือครองทองคำในกองทุน ETF และการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ซึ่งช่วยให้ต้นทุนโอกาสของการถือครองสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ยลดลง นอกจากนี้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังได้รับแรงสนับสนุนจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ความไม่แน่นอนต่อความเป็นอิสระของเฟด และความเสี่ยงจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยังคงคุกรุ่น

ในส่วนของมุมมองนักลงทุน Shyam Devani จากสิงคโปร์กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลใดที่จะฝืนเทรนด์ขาขึ้นของทองคำและซิลเวอร์ในขณะนี้ “แนวโน้มได้เร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มว่าจะดำเนินต่อไป เพราะปัจจัยพื้นฐานของโลก เช่น รัฐบาลที่อ่อนแอ งบประมาณขาดดุลเรื้อรัง และความสับสนของนโยบายการเงิน ต่างสมคบกันผลักดันให้ราคาทองคำและซิลเวอร์ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง” เขากล่าว

นักวิเคราะห์ของ Bank of America Corp. (BofA) ก็ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาซิลเวอร์สิ้นปี 2569 จากประมาณ 44 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็น 65 ดอลลาร์ โดยให้เหตุผลว่า “ภาวะขาดดุลในตลาดซิลเวอร์กำลังดำเนินต่อเนื่อง (Persistent Market Deficit) ช่องว่างทางการคลังของรัฐบาลต่าง ๆ ยังคงสูง (Elevated Fiscal Gaps) และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง (Lower Interest Rates) จะช่วยหนุนราคาในระยะกลางถึงยาว”

ในฝั่งของนโยบายการเงิน นักลงทุนยังจับตาท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก่อนการประชุมปลายเดือนนี้ โดย Anna Paulson ประธานธนาคารกลางสาขาฟิลาเดลเฟียกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เธอสนับสนุนให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก “สองครั้ง” ในปีนี้ โดยชี้ว่านโยบายควรมองข้ามผลกระทบของภาษีนำเข้าที่อาจทำให้ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นชั่วคราว เธอระบุว่าการคงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเป็นเวลานานเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอโดยไม่จำเป็น

อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงย่อมเป็นปัจจัยบวกต่อโลหะมีค่า เพราะสินทรัพย์เหล่านี้ไม่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยโดยตรง ดังนั้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ต้นทุนโอกาสของการถือครองย่อมลดลงเช่นกัน ส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าสู่ทองคำและซิลเวอร์เพิ่มขึ้น

ณ เวลา 10.04 น. ตามเวลาสิงคโปร์ ราคาทองคำสปอตปรับเพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 4,140.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเพิ่มขึ้น 2.3% ในวันจันทร์ ขณะที่ ดัชนี Bloomberg Dollar Spot Index ทรงตัวหลังจากแข็งค่าขึ้นราวหนึ่งเปอร์เซ็นต์ในสัปดาห์ก่อนหน้า ราคาซิลเวอร์ขยับขึ้นอีก 0.9% ขณะที่ แพลทินัมและพัลลาเดียม ต่างพุ่งขึ้นตาม

ตลาดโลหะมีค่าจึงอยู่ในช่วงร้อนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โดยซิลเวอร์กลับมาทำลายเพดานราคาเดิมที่ยืนยงมากว่า 45 ปี พร้อมทิ้งสัญญาณว่าความไม่สมดุลระหว่างซัพพลายและดีมานด์ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนโฉมตลาดโลหะมีค่าเข้าสู่ยุคใหม่ที่ความผันผวนและแรงเก็งกำไรจะมีบทบาทมากกว่าที่เคยเป็นมา


แชร์
เงินราคาพุ่งทะลุสถิติ คนแห่ตุนสินทรัพย์ปลอดภัย หนีภัยเศรษฐกิจโลกผันผวน