ตลาดหุ้นทั่วโลกขานรับข่าวดี หลังศาลสหรัฐฯ ตัดสินนโยบายภาษีทรัมป์ "เกินอำนาจ" ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากศาลการค้าของสหรัฐฯ มีคำตัดสินว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้อำนาจเกินขอบเขตตามกฎหมาย ในการออกมาตรการ “ภาษีตอบโต้” (reciprocal tariffs) ที่ใช้กับสินค้านำเข้าจากกว่า 180 ประเทศและดินแดนทั่วโลกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา คำตัดสินดังกล่าวมีผลทำให้ภาษีที่ทรัมป์ประกาศเก็บจากประเทศต่างๆต้องถูกยกเลิก แต่ทำเนียบขาวกำลังยื่นอุทธรณ์
นักลงทุนจับตาหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ในเอเชียอย่างใกล้ชิด หลังจาก Nvidia บริษัทผู้นำด้าน AI ของสหรัฐฯ รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาดีกว่าคาด โดยรายได้จากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นถึง 73% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ด้านดัชนีฟิวเจอร์สของตลาดสหรัฐฯ ขยับขึ้นหลังศาลตัดสินและ Nvidia เผยผลประกอบการโดดเด่น
อย่างไรก็ตาม ในการซื้อขายเมื่อคืนก่อนหน้านี้ ดัชนีหลักทั้งสามของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ หลังนักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ควบคู่กับการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังศาลการค้าสหรัฐฯ ยกเลิกภาษีตอบโต้ของทรัมป์ และท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันจากรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม Commonwealth Bank of Australia ระบุในบันทึกว่า การปรับขึ้นของราคาน้ำมันยังมีแรงกดดันจากความคาดหวังว่า OPEC+ จะเพิ่มการผลิตในอนาคต ซึ่งอาจชดเชยความเสี่ยงจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่อาจรบกวนการส่งออกน้ำมันของประเทศได้
ราคาทองคำร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี หลังคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ยกเลิกนโยบายภาษีทรัมป์ ซึ่งลดแรงดึงดูดของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกัน การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ยังกดดันราคาทองคำเพิ่มเติม
ราคาทองคำสปอต (Spot Gold) ลดลง 0.7% มาอยู่ที่ 3,268 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนราคาทองคำฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ ลดลง 0.1% มาอยู่ที่ 3,265 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำในไทยเปิดตลาดปรับตัวลดลง 550 บาทต่อบาททองคำ
ล่าสุดในช่วงเวลา 10.45 น.ราคาทองคำปรับตัว 3 ครั้ง ลดลงรวม 450 บาท
ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 50,800 บาท ขายออกบาทละ 50,900 บาท/บาททองคำ
ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 49,891.56 บาท ขายออกบาทละ 51,700 บาท/บาททองคำ
Nicholas Frappell หัวหน้าฝ่ายการตลาดสถาบันระดับโลกจากบริษัท ABC Refinery กล่าวว่า
"นี่คือข่าวสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อตลาด และหากดูภาพรวม ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่ากดดันราคาทองคำให้ลดลง"
เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ประกาศเก็บ "ภาษีตอบโต้" (Reciprocal Tariffs) กับหลายประเทศ สร้างความวิตกว่าจะนำไปสู่ภาวะถดถอยทั่วโลก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ระงับการเก็บภาษีในหลายประเทศเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น
หลังคำตัดสินของศาล ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งขึ้นทันที ทำให้ทองคำซึ่งซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์มีราคาสูงขึ้นเมื่อแปลงเป็นสกุลเงินอื่น ขณะเดียวกัน ดัชนีฟิวเจอร์สของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นเอเชียก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้ยื่นหนังสือแจ้งอุทธรณ์คำตัดสินของศาล เพื่อโต้แย้งอำนาจของศาล และอาจนำไปสู่การยื่นต่อศาลสูงสหรัฐฯ หากจำเป็น
อย่างไรก็ตาม Frappell มองว่าตลาดทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว โดยให้เหตุผลว่า
"แนวโน้มระยะยาวยังบ่งชี้ว่าดอลลาร์จะอ่อนค่า และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังมีโอกาสเกิดขึ้นในระยะสั้น"
นักลงทุนกำลังรอการเปิดเผยข้อมูล GDP ของสหรัฐฯ ที่จะออกมาในวันนี้ รวมถึงข้อมูล Core PCE (Personal Consumption Expenditures) เพื่อหาสัญญาณชี้ทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต