สรุปผลสำรวจดุสิตโพล: ความคาดหวังต่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 32
สวนดุสิตโพลได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,191 คน ณ วันที่ 5 กันยายน 2568 ต่อความคาดหวังที่มีต่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
ภารกิจเร่งด่วนอันดับหนึ่งคือ "ปัญหาปากท้อง" ประชาชนต้องการให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เร่งแก้ไขปัญหาค่าครองชีพและปากท้องเป็นอันดับแรกอย่างท่วมท้น (68.26%) ตามมาด้วยปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา (49.03%) และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ (44.58%)
ความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ "ปานกลาง" แต่เรียกร้องให้ยุบสภา แม้ประชาชนส่วนใหญ่ (56.09%) จะมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในระดับปานกลาง ซึ่งสะท้อนว่ายังให้โอกาสในการทำงาน แต่ในขณะเดียวกัน เสียงส่วนใหญ่ถึง 76.66% เห็นว่าควรยุบสภาภายใน 4 เดือนเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนและจัดการเลือกตั้งใหม่
หลังจากรัฐสภาได้มีมติอนุมัติให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ของไทย ด้วยคะแนนเสียง 311 ต่อ 152 เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 แล้ว สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่
การสำรวจครั้งนี้ดำเนินการกับกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน 1,191 คน ในช่วงวันที่ 2-5 กันยายน 2568 โดยมุ่งเน้นศึกษา "ความคาดหวังต่อนายกรัฐมนตรี คนที่ 32" ในประเด็นต่างๆ
ผลการสำรวจเผยให้เห็นว่า ประชาชนมีความคาดหวังให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเรียงลำดับความสำคัญดังนี้:
อันดับที่ 1: การแก้ปัญหาค่าครองชีพและปากท้อง (68.26%)
อันดับที่ 2: การแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา (49.03%)
อันดับที่ 3: การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน (44.58%)
อันดับที่ 4: การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน (33.59%)
อันดับที่ 5: การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม (33.08%)
เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อความสามารถในการแก้ไขปัญหาของประเทศของนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า:
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประชาชนส่วนใหญ่ (76.66%) เห็นด้วยหากรัฐบาลใหม่จะประกาศยุบสภาภายใน 4 เดือนเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยให้เหตุผลว่าต้องการคืนอำนาจให้กับประชาชน ในขณะที่มีเพียง 13.01% ที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากต้องการให้รัฐบาลทำงานต่อและเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ส่วนที่เหลือ 10.33% ยังไม่มีความแน่ใจ
ประชาชนมีข้อความที่ต้องการฝากถึงนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 โดยเรียงตามลำดับความสำคัญ คือ:
น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล วิเคราะห์ผลสำรวจว่า "ไม่ว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเป็นใคร ประชาชนยังคงมีความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ และความมั่นคงในการดำรงชีวิต จนมีเสียงเรียกร้องให้คืนอำนาจผ่านการยุบสภาในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งสะท้อนถึงภาวะวิกฤตความศรัทธาต่อคำพูดของนักการเมือง การปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคนใหม่จึงเต็มไปด้วยความท้าทายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การบริหารงานอย่างโปร่งใส และการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้ เพื่อกอบกู้ความไว้วางใจจากประชาชนกลับคืนมา"
น.ส.เบญจพร พึงไชย อาจารย์หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต มองว่า "ผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งยังคงเป็นประเด็นหลักที่ประชาชนต้องการให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เข้ามาดำเนินการแก้ไขเป็นอันดับแรก"
ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อความสามารถในการแก้ไขปัญหาของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่อยู่ในระดับปานกลาง เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังให้โอกาสนายกรัฐมนตรีในการนำพาประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องเร่งสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากประชาชน สิ่งที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลควรดำเนินการ คือ การกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน และที่สำคัญที่สุดคือการแสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาข้อพิพาทในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา