Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ดีเอสไอเตรียมออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้อง กรณี STARK  พรุ่งนี้  ก.ล.ต. ผนึกกำลัง 10 องค์กรฟื้นความเชื่อมั่น
โดย : อมรินทร์ทีวีออนไลน์

ดีเอสไอเตรียมออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้อง กรณี STARK  พรุ่งนี้  ก.ล.ต. ผนึกกำลัง 10 องค์กรฟื้นความเชื่อมั่น

26 มิ.ย. 66
23:52 น.
แชร์

Highlight

ไฮไลต์

“ กรณีของ STARK หลังจากได้มีการตรวจสอบ พบว่า ข้อมูลที่เปิดเผยนั้นมีคลาดเคลื่อนออกไป ซึ่งอาจจะมีความผิดกับพ.ร.บ.หลักทรัพย์ หากมีการบังคับใช้กฎหมาย จะมีบทลงโทษสุดสุด คือ จำคุก 10 ปี ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งเคสนี้ไม่ใช่เคสแรก ขณะนี้อยู่ระหว่าการตรวจสอบ ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดถึงความผิดทางกฎหมาย หรือตัวบุคคลได้ต้องขอมีข้อมูลหลักฐานที่เพียงพอมากกว่านี้ก่อน ”

 

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับ DSI และ บก.ปอศ.หารือร่วมกันกรณี STARK DSI เผยพรุ่งนี้เตรียมออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลรายละเอียด ยืนยันมีข้อมูลเบื้องต้นที่สามารถระบุผู้กระทำความผิดได้แล้ว และจะเร่งดำเนินคดีนี้โดยเร็วที่สุด

อีกฝาก ตลาดทุนไทย ก.ล.ต.ผนึกกำลัง 10  องค์กร ทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ร่วมกันเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน และหามาตรการเยียวยา สำหรับผู้ได้รับผลกระทบ

เกิดอะไรขึ้นกับ STARK?

  • บริษัทไม่สามารถส่งงบการเงินได้ตามกำหนดเวลาที่วางไว้

  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ขึ้นเครื่องหมาย SP หยุดพักการซื้อขายหุ้น STARK 

  • บริษัทผิดข้อกำหนดสิทธิหุ้นกู้และผิดนัดหุ้นกู้

  • ผลการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) พบธุรกรรมผิดปกติหลายรายการ

screenshot2566-06-26at21._2

โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ในการดำเนินการร่วมกันด้านการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิดกรณีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK)

“กรณี STARK ซึ่งอยู่ในกระบวนการการบังคับใช้กฎหมายโดยเป็นไปตามขั้นตอนปกติ อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. ได้เร่งดำเนินการกับกรณีนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ลงทุนเป็นจำนวนมากและอาจมีผลกระทบต่อตลาดทุนในภาพรวม โดยคาดว่าจะออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องพยานแวดล้อมเข้ามาให้ข้อมูล รวมถึงผู้ตรวจสอบบัญชีด้วย” พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ DSI กล่าว

DSI พอรู้ตัวผู้ต้องหา เร่งตรวจสอบเส้นทางเงิน

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า การทำงานร่วมกันดังกล่าว เพื่อที่จะเร่งรัดติดตามทรัพย์สิน เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนต่อไป โดยจะเร่งทำให้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะนี้ดีเอสไอมีข้อมูลเพียงพอที่จะระบุผู้ต้องหาได้อย่างคร่าวๆ แล้ว แต่สำหรับการดำเนินคดีคงต้องใช้เวลาในการรวบรวมหลักฐาน ซึ่งขณะนี้ก็พบเบาะแสที่เกี่ยวกับการโยกเงินแล้ว และขอให้มีความชัดเจนก่อนจึงจะสามารถบอกรายละเอียดได้

นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ ก.ล.ต. ได้ประสานงานกับ DSI และ ปอศ. เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง DSI ได้รับกรณีดังกล่าวเข้าเป็นคดีพิเศษแล้ว การร่วมประชุมในครั้งนี้ ทั้ง 3 หน่วยงานได้แลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งหารือเกี่ยวกับแนวทางการทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิด
ที่ทำได้อย่างรวดเร็วและรัดกุมและช่วยยับยั้งความเสียหายต่อประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยหลังจากนี้จะมีการประสานงานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันต่อไปอีกด้วย” 

ก.ล.ต.สั่งเร่งชี้แจง พร้อมทำ special audit

โดยกรณีนี้ ก.ล.ต. ได้มีการดำเนินการอย่างเต็มที่ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น สั่งให้บริษัทเปิดเผยข้อมูล ขยายขอบเขตการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) เพิ่มเติม และการแจ้งเตือนผู้ลงทุน พร้อมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย ขณะนี้การตรวจสอบมีความคืบหน้าไปมาก สำหรับด้านการคุ้มครองสิทธิของผู้ลงทุน ก.ล.ต. จะให้ความช่วยเหลือประสานงานอย่างเต็มที่ 

ความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ต่อจากนี้จะมีการหารือกันเป็นประจำทุกเดือน เพื่ออัพเดทข้อมูลสำคัญๆ ซึ่งกันและกัน แต่ถ้ามีประเด็นด่วนก็สามารถหารือกันได้ทันที

พร้อมกับได้มีการหารือร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยด้วยแล้ว และนอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังกำหนดแนวทางในการยกระดับการกำกับดูแลการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนและเสริมสร้างบทบาทหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยได้ดำเนินการภายใต้โครงการ “บริษัทจดทะเบียนเข้มแข็ง” ได้ริเริ่มขึ้นเมื่อปลายปี 2565 และคาดว่าจะเสนอต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป

“ กรณีของ STARK หลังจากได้มีการตรวจสอบ พบว่า ข้อมูลที่เปิดเผยนั้นมีคลาดเคลื่อนออกไป ซึ่งอาจจะมีความผิดกับพ.ร.บ.หลักทรัพย์ หากมีการบังคับใช้กฎหมาย จะมีบทลงโทษสุดสุด คือ จำคุก 10 ปี ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งเคสนี้ไม่ใช่เคสแรก ขณะนี้อยู่ระหว่าการตรวจสอบ ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดถึงความผิดทางกฎหมาย หรือตัวบุคคลได้ต้องขอมีข้อมูลหลักฐานที่เพียงพอมากกว่านี้ก่อน ”

อย่างไรก็ตาม สำนักงานก.ล.ต.จะร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการหามาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเท่าที่จะสามารถดำเนินการได้เพื่อช่วยเหลือผู้ลงทุนให้ได้มากที่สุด

screenshot2566-06-26at21._1

SET เร่งปรับปรุงกฎเกณฑ์ ยกระดับกำกับดูแลเข้มงวด

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการเร่งติดตามให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลสำคัญ หรือการเตือนผู้ลงทุนด้วยการออกข่าวเตือน และ/หรือ การขึ้นเครื่องหมายต่าง ๆ 

สำหรับที่จะดำเนินการต่อไป คือ ปรับกระบวนการทำงานและปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ทั้งด้านบริษัทจดทะเบียน และการซื้อขาย โดยมีหลายเรื่องที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีมติเห็นชอบไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเกณฑ์และยกระดับการกำกับดูแลตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การรับหลักทรัพย์ 

รวมถึง การดำรงสถานะ จนถึงการเพิกถอน รวมถึงจะยกระดับการกำกับดูแลการซื้อขาย เช่น มาตรการป้องปราม ตลอดจนผสานความร่วมมือเชิงรุกกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลดโอกาสการเกิดกรณีเช่นนี้อีก

แนวทางสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน

ก.ล.ต.ร่วมกับ SET ได้ร่วมกันทำแนวทางสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดทุน ดังนี้

  1. บริษัทที่จะออกหลักทรัพย์นั้น จะมีการปรับเกณฑ์ เพื่อยกระดับคุณภาพของบริษัท ดังนี้
  • บริษัทที่จะออกและเสนอขายหุ้นให้กับประชาชน (IPO) และบริษัทจดทะเบียน จะมีการทบทวนหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตัวเลขกำไน การเข้าจดทะเบียนทางอ้อม (backdoor listing) ให้มีความเข้มข้นเทียบเท่า IPO 
  • ปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น เช่น กำหนดให้เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต.เป็นพนักงานสอบสวน และมีอำนาจในการสอบสวนผู้กระทำผิด
  • ยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ และจัดทำ web portal เป็นช่องทางการสื่อสาร
  • ส่งเสริมบทบาทความรับผิดชอบ เช่น จัดอบีม จัดทำคู่มือ สนับสนุนบมบามหน้าที่ของกรรมการ และผู้บริหาร เป็นต้น
  1. ผู้ประกอบการวิชาชีพในตลาดทุน 

2.1 ผู้สอบบัญชี 

  • แก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ให้สำนักงานสอบบัญชีต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. และมีบทลงโทษที่หลากหลายจตามความรุนแรงของความผิด เพื่อประสิทธิภาพในการกำกับดูแลและป้องปรามการกระทำผิด
  • ยกระดับการควบคุมคุณภาพของผู้สอบบัญชีให้เข้มงวดขึ้น 
  • ทบทวนแนวทางการกำกับดูแลคุณภาพผู้สอบบัญชีใหม่ ทั้งระบบ และยกระดับการกำกับดูแลให้เข้มงวดขึ้น

2.2 ที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) : ร่วมกับชมรมวาณิชธนกิจในการทบทวน พัฒนาหลักสูตร และการสอบหลักสูตร FA

2.3 ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ : ออกแนวปฎิบัติที่ดีสำหรับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการทำงาน

2.4 สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ : ทบทวนแนวทางในการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

  1. ผู้ลงทุน : ให้ความรู้ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุน TIA ในการให้ความรู้แก่ผู้ลงทุน เกี่ยวกับการลงทุน ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และกลไกในการดูแลและเยียวยาผู้ลงทุน เช่น การดำเนินคดีแบบกลุ่ม (class action) 

screenshot2566-06-26at21.

IOD เชื่อมั่นกรรมการบริษัทส่วนใหญ่ยังปฎิบัติดี

นายกุลเวช เจนวัฒนวิทย์ กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวว่า IOD ทำหน้าที่ให้ความรู้ สร้างความตระหนัก ในบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบแก่กรรมการบริษัทอย่างต่อเนื่อง 

“ IOD เชื่อมั่นว่า กรรมการบริษัทที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างที่ควรมีอยู่มากมาย กรณีของ STARK จะเป็นกรณีศึกษา เพื่อกรรมการและฝ่ายจัดการจะได้ไปสำรวจความรัดกุม และความเพียงพอของการกำกับดูแลกิจการ และการควบคุมภายในของบริษัทต่อไป”

มาตรฐานผู้ตรวจสอบบัญชีไทยเชื่อถือได้ โทษสูงสุดเพิกถอนใบอนุญาต

นายสุพจน์ สิงห์เสน่ห์ เลขาธิการ สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า สภาวิชาชีพบัญชีพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำรงไว้ซึ่งความเชื่อมั่นในวิชาชีพบัญชีและตลาดทุนไทย โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการฐานคุณภาพของผู้ตรวจสอบบัญชีไทยเชื่อถือได้ ซึ่งหากพบการกระทำผิดของผู้ตรวจสอบบัญชี จะมีบทลงโทษสูงสุด คือ การเพิกถอนใบอนุญาต

หากพบการกระทำผิดของผู้ตรวจสอบบัญชีนั้น ทางสภาวิชาชีพผู้ตรวจสอบบัญชี ร่วมกับสำนักงานก.ล.ต. ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมายเพื่อให้มีอำนาจในการลงโทษผู้สอบบัญชีได้ ซึ่งทางสำนักงาน ก.ล.ต.ไม่มีอำนาจลงโทษผู้ตรวจสอบบัญชี

สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทยยันกฎเกณฑ์กำกับเหมาะสมแล้ว

นายไพศาล ธรสารสมบัติ กรรมการ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า “กฎเกณฑ์ที่กำกับบริษัทจดทะเบียนมีความเหมาะสมแล้ว ซึ่งบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ได้ปฏิบัติตามอยู่แล้ว”

สำหรับในส่วนของบริษัทจดทะเบียน การดูแลรายงานทางการเงิน โดยเฉพาะการกำกับดูและเรื่องรายการระหว่างกันที่มีขนาดที่มีนัยสำคัญ จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้บริหารของบริษัท และผู้ตรวจสอบภายใน ผู้สอบบัญชี รวมถึงคณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการบริษัท 

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เกิดขึ้น คณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทจดทะเบียนควรต้องพิจารณาทำงานร่วมมือกับฝ่ายบริหารใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น 

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนแนะหาวิธีสอบทานรายการทางบัญชี

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า เหตุการณ์แก้ไขงบที่เกิดขึ้นกับหุ้นSTARK นั้น ได้สะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากของ นักวิเคราะห์และนักลงทุนในฐานะเป็นผู้ใช้ข้อมูล ซึ่งแม้ว่านักวิเคราะห์จะมีความรอบคอบ และมีระบบการวิเคราะห์ที่รัดกุมเพียงใด ก็ไม่สามารถยืนยันถึงความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจากอยู่ในสถานะที่เป็นเพียงผู้ใช้ข้อมูล จึงไม่เคยมีโอกาสที่จะได้เข้าถึงหลักฐานยืนยันรายการทางบัญชี 

สำหรับแนวทางที่องค์กรต่าง ๆ จะร่วมกันคิด เพื่อป้องกันปัญหาแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้ง่าย คือต้องหาวิธีที่จะสามารถตรวจทานหลักฐานยืนยันรายการทางบัญชีให้มั่นใจได้มากขึ้น 

รวมถึงการมีหลักเกณฑ์ให้บริษัทจดทะเบียนมีหน้าที่ ต้องมา Opportunity Day หรือการจัดประชุมนักวิเคราะห์อย่างทั่วถึง ปีละ 2-4 ครั้ง เพื่อให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนสามารถซักถามสอบถามได้โดยตรง เพื่อประเมินความสมเหตุผลของข้อมูลและวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ในส่วนของสมาคมนักวิเคราะห์ฯ เองก็จะเพิ่มเติมการพัฒนาทักษะความสามารถของนักวิเคราะห์ ในด้านการคัดกรองข้อมูลและประเมินความสมเหตุผลตลอดจนทักษะในการตรวจจับจุดอันตรายในงบการเงิน เป็นต้น

ชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยเสนอปรับเกณฑ์ให้เข้มขึ้น

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ ประธานกรรมการ ชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดในการกลั่นกรองคุณภาพของบริษัทที่จะออกและเสนอขายหลักทรัพย์ (IPO) เพื่อให้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเพียงพอต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน กรรมการและผู้บริหารมีคุณสมบัติที่เหมาะสม มีระบบการควบคุมภายในที่ดี เป็นต้น 

รวมถึงการให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม มีบางบริษัทจดทะเบียนที่อาจจะมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม 

ชมรมฯ จึงพร้อมร่วมหารือและสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงเกณฑ์และมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเหมาะสม โดยยังรักษาสมดุลของการกำหนดเกณฑ์และไม่เป็นภาระกับบริษัทจดทะเบียนมากจนเกินไป พร้อมสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาปรับปรุงเกณฑ์ backdoor listing ให้มีความเข้มข้นมากขึ้นเทียบเท่ากับเกณฑ์ IPO ต่อไป

ทริสเรทติ้งเตรียมปรับปรุงขั้นตอนผู้ออกตราสารใหม่เข้มขึ้น

ด้านนายศักดิ์ดา พงศ์เจริญยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า ทริสเรทติ้งจะปรับปรุงขั้นตอนในการคัดกรองผู้ออกตราสารใหม่ให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อเพิ่มความระมัดระวังสำหรับผู้ออกตราสารที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 

โดยเฉพาะ backdoor listing ผู้ออกตราสารที่ไม่มีประวัติในการสร้างธุรกิจด้วยตัวเองหรือเน้นสร้างการเติบโตจากการซื้อกิจการอื่น และจะหลีกเลี่ยงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือให้กับผู้ออกตราสารที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือผู้บริหารที่มีประวัติหรือชื่อเสียงในทางลบทางด้านธรรมาภิบาล 

นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งจะเพิ่มการฝึกอบรมนักวิเคราะห์ ในส่วนเทคนิคการสังเกตลักษณะของงบการเงินที่น่าสงสัยว่ามีการตกแต่งงบการเงิน เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ความผิดปกติของงบการเงินและสถานะทางการเงินที่แท้จริงของผู้ออกตราสาร

สมาคมบลจ.อยู่ระหว่างศึกษาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคม สมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า สมาคมบลจ.มีข้อเรียกร้องความเสียหายที่เกิดขึ้นกับนักลงทุน โดยวิธีการฟ้องร้องกับผู้บริหารของ STARK ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ระหว่างการหาทีมกฎหมาย

สำหรับอุตสาหกรรมจัดการลงทุนให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่อย่างมีความรับผิดชอบของผู้จัดการกองทุน ในการดูแลปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหน่วยลงทุน 

โดย บลจ. ที่มีการลงทุนใน STARK มีความเห็นตรงกันในแนวทางการทำ class action และในฐานะนายกสมาคมฯ มองว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย ไม่เฉพาะเพียงอุตสาหกรรม จึงเป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงาน ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทจัดอันดับเครดิต นักวิเคราะห์ ฯลฯ จะต้องร่วมกันพิจารณาหาแนวทางป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยติดตามข้อมูลใกล้ชิด ให้ความรู้นักลงทุน

ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ThaiBMA ในฐานะของ Bond Information Center ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยประสานงานกับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้และสำนักงาน ก.ล.ต. ในการให้ข้อมูลและประชาสัมพันธ์อย่างรวดเร็วกับผู้ลงทุนผ่านทางช่องทางออนไลน์ของสมาคมฯ

รวมถึง ได้ให้ความเข้าใจเกี่ยวกับ เหตุแห่งการผิดนัดชำระหนี้ สิทธิของผู้ลงทุน หน้าที่และขั้นตอนการดำเนินงานของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ทั้งที่เป็นการตอบข้อสงสัยที่มีเข้ามา รวมถึงการสื่อสารกับสื่อมวลชนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนในอีกช่องทางหนึ่ง 

โดย ThaiBMA เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรในตลาดทุนที่มุ่งมั่นที่จะร่วมกันรักษาและยกระดับความเชื่อมั่นในตลาดทุนในการให้ข้อมูลและความรู้ด้านตราสารหนี้ที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุน

สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยเปิดรับลงทะเบียนฟ้องคดีแบบกลุ่ม

นางสิริพร จังตระกุล เลขาธิการ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กล่าวว่า เพื่อเป็นการช่วยในการรวมกลุ่มผู้เสียหาย จากการลงทุนในหุ้นสามัญ STARK สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย จึงเปิดระบบลงทะเบียนให้ผู้ลงทุนเข้ามาลงทะเบียน โดยคำนึงถึง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัด และจะพิจารณาช่วยดำเนินการ รวมถึงอำนวยความสะดวกในขั้นตอนต่อไป กรณีที่มีการร้องขอให้มีการฟ้องคดีแบบกลุ่ม หรือ Class Action

แชร์
ดีเอสไอเตรียมออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้อง กรณี STARK  พรุ่งนี้  ก.ล.ต. ผนึกกำลัง 10 องค์กรฟื้นความเชื่อมั่น