ข้าราชไทยต้องล้ำ! ดีอีเอส เชิญชวนสถาบัน-ผู้พัฒนาหลักสูตรด้านดิจิทัลทั่วประเทศ สมัครขอรับรอง “หลักสูตรพัฒนาทักษะดิจิทัลสำหรับหน่วยงานภาครัฐ” ชี้เป็นฐานข้อมูลกลางให้หน่วยงานรัฐค้นหาได้ง่าย-ขอทุนสนับสนุนได้ ตั้งเป้ารับรอง 100 หลักสูตรปีนี้
นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ “การรับรองหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐ” เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 โดยเชิญชวนให้ สถาบันอบรมต่างๆ หรือผู้พัฒนาหลักสูตรที่มีเนื้อหาด้านดิจิทัล เข้ามายื่นขอการรับรองหลักสูตร ซึ่งทางกระทรวงจะเริ่มเปิดใช้ระบบต้นแบบ “ระบบยื่นขอรับรองหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ หรือ TACC (Training Accreditation & Course Certification)” เป็นครั้งแรก ในวันที่14 ก.พ. นี้ ทางเว็บไซต์ tacc.onde.go.th
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ร่วมกับที่ปรึกษา ได้ดำเนิน โครงการบริหารจัดการและติดตามผลการรับรองหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐ สำหรับข้าราชการและบุคลากรของรัฐ 6 กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูง ผู้อำนวยการกอง ผู้ทำงานนโยบายและวิชาการ ผู้ทำงานด้านบริการ ผู้ปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยี และผู้ปฏิบัติงานอื่น ๆ โดยนอกจากโครงการนี้จะช่วยให้เกิด การรับรองหลักสูตรแล้ว ก็ยังเป็น ฐานข้อมูล (Database) หลักสูตรด้านดิจิทัลของประเทศไทย ที่หน่วยงานภาครัฐสามารถเข้ามาสืบค้นและพิจารณาก่อนวางแผนพัฒนาบุคคลากรได้
นอกจากนี้ หลักสูตรที่ได้รับรองจะ ได้รับการตรวจประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล ได้รับข้อเสนอแนะและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อสถาบันอบรม ในการปรับปรุงหลักสูตรให้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ยังสามารถ ของบประมาณสนับสนุนในการจัดอบรม สาหรับหลักสูตรประเด็นทักษะสาคัญฯ ผ่านกองทุน DE ได้อีกด้วย
"โลกดิจิทัลเข้ามามีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน กำลังคนภาครัฐจึงต้องพัฒนาให้เท่าทันต่อเทคโนโลยี และกระบวนการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป การที่จะจัดอบรมให้หน่วยงานภาครัฐ จึงต้องมีมาตรฐาน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี” นายภุชพงค์ กล่าว
สำหรับระยะเวลาที่ใช้ในการประเมินหลักสูตร ตั้งแต่ยื่นคำขอรับการประเมิน จนถึงแจ้งผลการตัดสิน จะอยู่ในช่วง 20 - 35 วัน ซึ่ง สดช. ตั้งเป้าหมายให้มี หลักสูตรที่ผ่านการรับรองทั้งสิ้น 100 หลักสูตร ภายในปี 2565
นายภุชพงค์ ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากที่บรรลุเป้าหมายด้าน การพัฒนาศักยภาพของข้าราชการทั้ง 7 ด้าน เรียบร้อยแล้ว ในอนาคตอยากให้ หน่วยงานภาคเอกชนที่เชี่ยวชาญด้านเรื่องเทคโนโลยีด้านอื่นๆ เช่น “เมตาเวิร์ส” เข้ามามีส่วนร่วมเช่นกัน แต่ภาครัฐเองก็ต้อง ศึกษาวิธีคิดและกระบวนการทำงาน แล้วจึงนำเทคโนโลยีมาใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ด้วย
“ภาครัฐต้องปรับตัว สร้างบุคคลากรให้มีความพร้อม และทำเพื่อบริการสาธารณะ บริการประชาชน” นายภุชพงค์ เสริม
หลักสูตรใดบ้างที่ สดช. ดำเนินการรับรอง
หลักสูตรที่สามารถขอรับรองจากสดช. ได้ แบ่งออกเป็น 7 ด้านด้วยกัน ได้แก่
1.ความสามารถด้านความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy)
2.ความสามารถด้านการควบคุมกำกับ และการปฏิบัติตามกฎหมายนโยบาย และมาตรฐาน การจัดการด้านดิจิทัล (Digital Governance, Standard, and Compliance)
3.ความสามารถด้านเทคโนโลยีเพื่อยกระดับศักยภาพองค์กร (Digital Technology)
4.ความสามารถด้านการออกแบบกระบวนการและการให้บริการด้วยระบบดิจิทัลเพื่อการพัฒนาคุณภาพภาครัฐ (Digital Process and Service Design)
5.ความสามารถด้านการบริหารกลยุทธ์และการจัดการโครงการ (Strategic and Project Management)
6.ความสามารถด้านผู้นำดิจิทัล (Digital Leadership)
7.ความสามารถด้านการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล (Digital Transformation)
ใครสามารถยื่นขอรับรองหลักสูตรฯ กับ สดช. ได้บ้าง
สถาบันอบรมที่สามารถยื่นขอรับรองหลักสูตร ได้แก่สถาบันหรือหน่วยงานในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ดังต่อไปนี้
1.สถาบันอุดมศึกษาในสังกัดของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงศึกษาธิการ รวมไปถึงกระทรวงอื่น ๆ ที่จัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา
2. หน่วยงานภาครัฐที่มีพันธกิจในการจัดอบรม หรือให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการอบรม
3. สถาบันอบรมเอกชนที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ
4. สถาบันที่ได้รับความเห็นชอบโดยสถาบันหรือหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย โดยให้สามารถจัดอบรมในหัวข้อเฉพาะได้
การยื่นขอรับรองหลักสูตรจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง
1. ได้ขึ้นทะเบียนบัญชีรายชื่อหลักสูตรที่ได้รับการรับรอง และ สดช. จะมีการเผยแพร่รายชื่อดังกล่าวผ่านช่องทางเว็บไซต์ระบบ TACC ทำให้หน่วยงานภาครัฐสามารถมาสืบค้น รับทราบถึงหลักสูตรต่างๆ ของสถาบันอบรมที่ได้รับการรับรอง และเลือกพิจารณาในการส่งบุคลากรมาเข้ารับการอบรมในหลักสูตรเหล่านั้น
2. ได้รับตราสัญลักษณ์รับรองจาก สดช. ซึ่งสถาบันอบรมสามารถนาไปใช้เพื่อประชาสัมพันธ์ในหลักสูตรของตน หรือใส่ในประกาศนียบัตรได้
3. หลักสูตรได้รับการตรวจประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล ได้รับข้อเสนอแนะ คำแนะนาที่เป็นประโยชน์ต่อสถาบันอบรม ในการปรับปรุงหลักสูตรให้ดียิ่งขึ้น
4. สามารถของบประมาณสนับสนุน (Grant) ในการจัดอบรม สาหรับหลักสูตรประเด็นทักษะสาคัญฯ ผ่านกองทุน DE*
หลักสูตรที่ยื่นขอการรับรอง ควรสอดคล้องกับ 7 ทักษะด้านดิจิทัล อะไรบ้าง
1. ทักษะการพัฒนานวัตกรรมอย่างสร้างสรรค์ และการคิดวิเคราะห์เชิง Design Thinking
2. ทักษะการประยุกต์ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีดิจิทัลในการทำงาน
3. ทักษะด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( Personal Data Protection)
4. ทักษะด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security)
5. ทักษะด้านการออกแบบกระบวนการและการให้บริการด้วยระบบดิจิทัล เพื่อพัฒนาคุณภาพงานภาครัฐ และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล (Digital Transformation)
6. ทักษะด้านการจัดทำชุดข้อมูลเพื่อการบริการสาธารณะ (Open Public Data)
7. ทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)
ผู้ทรงคุณวุฒิจะได้ประโยชน์อะไรจากการเข้าร่วมเป็นผู้ประเมิน
1. ได้ขึ้นทะเบียนบัญชีรายชื่อผู้เชี่ยวชาญดิจิทัล (Pool Lists) ของ สดช. ทำให้ได้รับข้อมูล ข่าวสาร และการเรียนเชิญเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของสดช. ในอนาคต
2. ได้รับการอบรมในหลักสูตรผู้ประเมินหลักสูตร ที่ สดช. จัดสรร และจัดอบรมให้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ อีกทั้ง ทุกๆ ปี จะได้รับเชิญให้เข้าอบรมหลักสูตรดังกล่าวและหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง เพื่อทบทวนความเข้าใจ และ หรืออัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับการรับรองหลักสูตรและการตรวจประเมิน
3. ได้ร่วมตรวจประเมินหลักสูตรกับ สดช. และกำหนดคุณภาพหลักสูตรการอบรมและการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ