แม้ว่ารัสเซียจะประกาศหยุดยิงชั่วคราวเป็นเวลา 3 วัน แต่แนวหน้ากองทหารยูเครนรายงานว่า ทหารรัสเซียบริเวณชายแดนกลับไม่ปฏิบัติตามแถลงการณ์พักรบของผู้นำประเทศ
ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศระงับการสู้รบเป็นเวลา 3 วันเมื่อเดือนก่อน เพื่อเฉลิมฉลองวันชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือวันที่ 9 พฤษภาคม โดยระยะเวลาการพักรบจะเริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 8 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่น จนถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 10 พฤษภาคม โดยในแถลงการณ์ระบุว่า “กิจกรรมทางทหารทุกประเภท” จะยุติลงชั่วคราวตามหลัก “มนุษยธรรม”
ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เรียกแถลงการณ์หยุดยิงของปูตินว่า “การแสดงละคร” และเน้นย้ำว่า ยูเครนสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิง 30 วันตามข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ถูกรัสเซียปฏิเสธไปก่อนหน้านี้
คีร์ ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการพิเศษโดรนของยูเครน แสดงความเห็นในทิศทางเดียวกัน โดยกล่าวว่าเขาไม่เชื่อถือข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวนี้เลย
“คำตอบของผมง่ายมาก — เราไม่เชื่อเขา” คีร์กล่าว พร้อมย้ำว่ายูเครนสนใจเพียงข้อตกลงหยุดยิง 30 วันตามข้อเสนอของสหรัฐฯ เท่านั้น
ทางด้านรัสเซียก็กล่าวหาว่ายูเครนละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเช่นกัน แม้ว่ายูเครนจะปฏิเสธข้อตกลงดังกล่าวตั้งแต่ต้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่ากองทัพของตน “ยุติการสู้รบทั้งหมด” แล้ว แต่ยูเครนยังคงโจมตีต่อเนื่อง และรัสเซียก็เพียงแค่ “ตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน”
คีร์ระบุว่า เขาเข้าใจเจตนาของปูตินดี เนื่องจากก่อนหน้านี้ เมื่อรัสเซียประกาศหยุดยิงช่วงวันอีสเตอร์ซึ่งยูเครนประกาศ “สะท้อน” การกระทำของรัสเซีย คือรัสเซียดำเนินการอย่างไร ยูเครนก็จะปฏิบัติเช่นนั้น แต่รัสเซียกลับใช้โอกาสนี้ส่งเสบียงและเคลื่อนย้ายกำลังพล ครั้งนี้เขาจึงเชื่อว่าจะมีการเคลื่อนกำลังทหารราบเช่นกัน
เมื่อถึงช่วงเวลาที่ควรหยุดยิงตามข้อตกลง กองทัพยูเครนกลับชี้ว่าการโจมตีจากรัสเซียยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นโพสต์ผ่านแอปฯ เทเลแกรมว่า รัสเซียได้ยิงระเบิดนำวิถีโจมตีเมืองซูมีทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน และเมืองมิโคลาอีฟทางตอนใต้
ช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 8 พฤษภาคม หญิงวัย 55 ปี และลูกชายของเธอ ถูกสังหารจากการโจมตีในซูมี ตามข้อมูลจากสำนักงานอัยการประจำภูมิภาคซูมี ต่อมาอีกครึ่งชั่วโมง หญิงวัย 70 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากระเบิดอีกลูกในเมืองโวโรชบา
ขณะเดียวกัน หัวหน้าฝ่ายบริหารการทหารภูมิภาคเคอร์ซอนรายงานว่า หญิงวัย 35 ปีเสียชีวิตจากการโจมตีด้วยโดรนของรัสเซียในคืนวันพฤหัสฯ พร้อมระบุว่า พบโดรนของรัสเซียหลายลำปรากฏในพื้นที่ด้วย
วิตคอร์ เทรกูบอฟ โฆษกกองกำลังยุทธการและยุทธศาสตร์คอร์ทีเซียของกองทัพยูเครน กล่าวว่า ทหารรัสเซีย “เคลื่อนไหวน้อยลง” ในเช้าวันพฤหัสฯ และไม่มีการโจมตีด้วยขีปนาวุธหรือโดรนในช่วงเช้า
“บางพื้นที่ไม่มีการปะทะกันในตอนเช้า แต่หลายพื้นที่ยังคงมีการสู้รบอย่างหนัก ดังนั้นจึงไม่อาจพูดได้ว่ามีการหยุดยิงจริง” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า กองทัพรัสเซียยังคงดำเนินการโจมตีใกล้เมืองโวฟชานสก์ ครามาทอร์สค์ ชาซีฟ ยาร์ โตเร็ตสก์ และโปโครฟสก์ แม้จะเข้าสู่ช่วงเวลาหยุดยิงแล้วก็ตาม
หลังผ่านไปหนึ่งวันของช่วงหยุดยิง รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน แอนดรีย์ ซิบิฮา กล่าวว่าตลอดทั้งวันมีการโจมตีตำแหน่งทหารยูเครนกว่า 500 ครั้ง รวมถึงมีการทิ้งระเบิดนำวิถีทางอากาศอย่างน้อย 10 ครั้ง หนึ่งในนั้นสังหารหญิงวัย 55 ปี และทำให้ลูกชายของเธอบาดเจ็บในเขตซูมี
ยูเครนเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะในวันที่ 8 พฤษภาคม แทนวันที่ 9 พฤษภาคมเช่นเดียวกับรัสเซีย เพื่อให้สอดคล้องกับประเทศในสหภาพยุโรป หลังการรุกรานจากรัสเซีย
ในแถลงการณ์เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวว่าการเฉลิมฉลองของรัสเซียในวันศุกร์จะเป็น “ขบวนพาเหรดแห่งความเย้ยหยัน”
“ความโหดร้ายของนาซีจะถูกพูดถึงโดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ในบูชา และผู้ที่ปิดล้อมเมืองมาริอูโปลจะเป็นคนพูดถึงการปิดล้อมเลนินกราด และขอบคุณพระเจ้าที่ยูเครนหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ ขอบคุณพระเจ้าที่ยูเครนไม่ลืมว่าเมื่อ 80 ปีก่อน มีผู้คนจากหลายสิบชาติร่วมต่อสู้กับลัทธินาซี และชาวยูเครนกว่า 8 ล้านคนต้องเสียชีวิตในสงครามครั้งนั้น” เขากล่าว
การหยุดยิง 3 วันนี้เป็นข้อเสนอของรัสเซียเพื่อเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะนอกจากยุติการสู้รบ ยังมีกิจกรรมอย่างการสวนสนามตามธรรมเนียม โดยมีผู้นำจากหลายประเทศเข้าร่วม รวมถึงประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของรัสเซีย
ในอดีต รัฐบาลปูตินใช้วันแห่งชัยชนะเป็นเวทีเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ โดยกล่าวอ้างว่าการรุกรานยูเครนคือการต่อสู้กับระบอบ “นาซี” ในกรุงเคียฟ