นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC เผยผลประกอบการ Q1/2568 กวาดรายได้รวม 6,191 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 1,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%(YoY) โดยมีกำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 3,417 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 15.3 (YoY) และมีอัตราผลตอบแทน EBITDA ต่อทรัพย์สินถาวร (EBITDA Yield) อยู่ที่ 10.0% เติบโต 13.6% (YoY) พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการอันแข็งแกร่งของปี 2567 ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ด้วยอัตรา 0.075 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 50% จากปีก่อนหน้า
พร้อมขยายพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพในกลุ่มโรงแรมและการบริการและกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลอย่างต่อเนื่องอย่าง
ซึ่งพัฒนาภายใต้แนวคิด AWC’s Lifestyle Destination ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทได้อย่างทันที เสริมความแข็งแกร่งของมูลค่าทรัพย์สินรวมให้เติบโตสู่ 209,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า จากปี 2562 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงานของบริษัท ณ ไตรมาสนี้อยู่ที่ 161,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0%จากไตรมาสก่อน (QoQ) พร้อมสร้างกระแสเงินสดเติบโตก้าวกระโดด
กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการของ AWC เติบโตต่อเนื่อง ด้วยทรัพย์สินคุณภาพในทำเลท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ สร้างรายได้รวมกว่า 3,642 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% (YoY)
และเมื่อเปรียบเทียบกับพอร์ตโรงแรมเดิมในปี 2567 จะมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) อยู่ที่ 5,072 บาท เติบโต 7.7% (YoY) สูงกว่าตลาด 4 เท่า และเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 27 จากปี 2562
สะท้อนถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการอยู่ที่ 1,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากการเติบโตในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มรีสอร์ทระดับลักชัวรี ในจุดหมายปลายทางยอดนิยม ทั้งเกาะสมุย และกระบี่ ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก(RevPAR) เติบโตถึง 10.5 %(YoY) ในขณะที่โรงแรมในกรุงเทพฯ และโรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) ยังสามารถเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน
ทำให้พอร์ตโฟลิโอโรงแรมของ AWC ยังคงแข็งแกร่งด้วยดัชนีการสร้างรายได้ (Revenue Generation Index หรือ RGI) เฉลี่ยอยู่ที่ 103 โดยเฉพาะกลุ่มรีสอร์ทระดับลักชัวรีและโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่มี RGI สูงถึง 119 และ 117 ตามลำดับ ส่วน “เอ-ญ่า” รูฟทอป แอท ดิ เอ็มไพร์ เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่สร้างรายได้สูงสุด เข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ High-to-Luxury ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียล ในไตรมาสที่ผ่านมา AWC มีอัตราการรักษาผู้เช่า (Retention Rate) สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 99% แม้ภาพรวมในตลาดมีอัตราการโยกย้ายสูงก็ตาม
โดยในส่วนของธุรกิจศูนย์การค้า ภายหลังการปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย เช่นศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ เชียงใหม่ และพันธุ์ทิพย์ แอท งามวงศ์วาน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าที่เติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหลังสถานการณ์โควิด
ส่วนด้านอาคารสำนักงาน AWC มุ่งพัฒนาแนว Lifestyle Workplace เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้เช่าคุณภาพสูงในยุคใหม่ ส่งผลให้ในไตรมาสนี้ กลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลมีรายได้รวม 2,386 ล้านบาท เติบโต 16.9 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ที่ 2,055 ล้านบาท เติบโต 17.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ช่วยสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงให้แก่บริษัทได้อย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งไฮไลท์ของ AWC ในปีนี้คือ Jurassic World: The Experience ครั้งแรกของโลกที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น โดยพร้อมเปิดให้บริการใน Q2/2568 ตั้งเป้านักท่องเที่ยว 2,000 คน/วัน ดัน traffic ให้เอเชียทีคเพิ่มขึ้น 10%
ความพิเศษของโปรเจกต์นี้คือ ‘ความบันเทิงแบบอิมเมอร์ซีฟที่ใหญ่สุดในโลก’ มีพร้อมทั้งเครื่องเล่นที่พาทุกคนไปผจญภัยท่องโลกของไดโนเสาร์ ‘Jurassic World’ บนพื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตร
พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่ประเทศไทย กลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ อีกทั้งดันกรุงเทพมหานครสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและความบันเทิงระดับโลก
นางวัลลภา ไตรโสรัส ได้เล่าว่า “แม้การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยช่วงต้นปีเผชิญกับความผันผวนและท้าทายรอบด้าน เราต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ผ่านการโปรโมทความพิเศษและความสวยงามของประเทศไทย เพื่อดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามายังประเทศไทย”
AWC เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขยายพอร์ตโฟลิโอทรัพย์สินคุณภาพเพื่อสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก โดยมีไฮไลท์สำคัญ เช่น
บริษัทยังเดินหน้ายกระดับศักยภาพธุรกิจด้วยการดำเนินงานอย่างยั่งยืน โดยมีผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency Plan) ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทในไตรมาสที่ผ่านมา ด้วยการลดใช้พลังงานไฟฟ้าลงได้ 4,084 เมกะวัตต์-ชั่วโมง และใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ 1,098 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 19.4 ล้านบาท เทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2,590 ตัน-คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะภายในโครงการ การดำเนินโครงการ reConcept เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงการสนับสนุนและร่วมงานกับชุมชนเพิ่มขึ้นผ่านโครงการ เดอะ GALLERY
พร้อมกันนี้ ในไตรมาสที่ผ่านมา AWC ยังได้รับคะแนนด้านความยั่งยืนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญ จากการประเมินของ Dow Jones Best-in-Class Indices และเป็นสมาชิก S&P Global Sustainability Yearbook ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 รวมถึงการได้รับรางวัล Thailand’s Top Corporate Brands 2024 ในหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตอกย้ำการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดของประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าอย่างเป็นรูปธรรมให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมเชิญชวนพันธมิตรทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืนและสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้ทุกคนไปด้วยกัน