
กรุงเทพฯ คว้าอันดับ 1 เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมโลกปี 2025 ด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30.3 ล้านคน แซงหน้าฮ่องกง-ลอนดอน-ปารีส ตามรายงาน The Euromonitor International Top 100 City Destinations Index 2025 สนับสนุนด้วยเที่ยวบินทะลุ 900,000 เที่ยวบิน ขณะที่ตลาดระยะไกลทุบสถิติ 10 ล้านคน แม้ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาส่งผลกระทบบางพื้นที่ แต่ ททท. ยืนยันเดินหน้าโปรโมตต่อเนื่อง
กรุงเทพมหานคร ครองตำแหน่งเมืองที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนมากที่สุดในโลกประจำปี 2025 ด้วยจำนวนผู้มาเยือนสูงถึง 30.3 ล้านคน ตามรายงาน Top 100 City Destinations Index 2025 จาก Euromonitor International องค์กรวิจัยตลาดชั้นนำระดับโลก
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่า ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงพลังดึงดูดของกรุงเทพฯ ที่ผสมผสานเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทย โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนา ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว และการบริการที่เป็นมิตร ทำให้สามารถแซงหน้าคู่แข่งสำคัญอย่างฮ่องกง ลอนดอน และปารีส ได้อย่างชัดเจน
ความสำเร็จของกรุงเทพฯ ได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลของบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ที่เผยว่า ปีงบประมาณ 2568 (กันยายน 2567-ตุลาคม 2568) ประเทศไทยมีปริมาณเที่ยวบินรวม 904,796 เที่ยวบิน โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากตารางบิน Winter Schedule พบว่า:
สำหรับช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ (29 ธันวาคม 2568 - 7 มกราคม 2569) คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวม 27,632 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 2,763 เที่ยวบิน รัฐบาลจึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมและมาตรการรองรับ เพื่อให้การจัดการจราจรทางอากาศเป็นไปอย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และลดความล่าช้า
อันดับ | เมือง | ประเทศ | จำนวนนักท่องเที่ยว (ล้านคน) |
1 | กรุงเทพมหานคร | ไทย | 30.3 |
2 | ฮ่องกง | ฮ่องกง | 23.2 |
3 | ลอนดอน | อังกฤษ | 22.7 |
4 | มาเก๊า | มาเก๊า | 20.4 |
5 | อิสตันบูล | ตุรกี | 19.7 |
6 | ดูไบ | สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | 19.5 |
7 | เมกกะ | ซาอุดีอาระเบีย | 18.7 |
8 | อันตัลยา | ตุรกี | 18.6 |
9 | ปารีส | ฝรั่งเศส | 18.3 |
10 | กัวลาลัมเปอร์ | มาเลเซีย | 17.3 |
ที่มา: Euromonitor International
แม้ประเทศไทยกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 หลังรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ยุบสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นางสาวฐาปนีย์ยืนยันว่า ภาคการท่องเที่ยวจะยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง
"ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะเข้ามาบริหารประเทศ ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มีซัพพลายเชนที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการรายย่อยจนถึงรายใหญ่จำนวนมาก ทุกรัฐบาลจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านการส่งเสริมท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน" ผู้ว่าการ ททท. กล่าว
ททท. เตรียมนำเสนอมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนความต้องการจากผู้ประกอบการ ได้แก่:
นางสาวฐาปนีย์มั่นใจว่า ช่วงเลือกตั้งในไตรมาส 1 ปี 2569 ซึ่งตรงกับไฮซีซันการท่องเที่ยว คนไทยจะยังคงเดินทางท่องเที่ยวตามปกติ โดย ททท. เตรียมจัดกิจกรรมและแคมเปญใหญ่ดังนี้:
ข่าวดีจากตลาดระยะไกล (ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) ที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยล่าสุดมีจำนวนสะสมทะลุ 10 ล้านคนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และคาดว่าสิ้นปี 2568 จะสูงถึง 11 ล้านคน
ตลาดที่มีผู้เดินทางเกิน 1 ล้านคน:
ตลาดที่เติบโตเกินเป้า:
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อกลางปี 2568 ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ดังนี้:
ผู้ว่าการ ททท. รายงานว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดตราดไม่ได้รีบเช็กเอาต์ แต่เลือกรอให้สถานการณ์สงบก่อน อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวรายใหม่เลือกชะลอการเดินทางเข้ามา โดยเฉพาะบริเวณตะเข็บชายแดนที่มียอดยกเลิกการเดินทางสูง
"ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดในประเทศ ททท. มีการสื่อสารอย่างชัดเจนและโปร่งใสเกี่ยวกับพื้นที่ที่แนะนำให้หลีกเลี่ยง ส่วนพื้นที่อื่นๆ ยังคงปลอดภัยและไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว การท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศไทยยังคงดำเนินไปได้ตามปกติ" นางสาวฐาปนีย์ย้ำ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยืนยันว่า จะเดินหน้าโปรโมตการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม เพื่อรักษาสถานะของประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม