สุดยอด! ไทยคว้าแชมป์ "อาหารอร่อยที่สุดในโลก 2025" จาก Readers’ Choice Awards แซงหน้าอิตาลีและญี่ปุ่น พิสูจน์พลัง Soft Power ที่เปลี่ยน "รสชาติ" เป็น "มูลค่าเศรษฐกิจ" มหาศาล
“อาหาร” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของรสชาติ แต่คือ “กลยุทธ์ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม” การจัดอันดับ 15 ประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก ปี 2025 จากผลโหวต Readers’ Choice Awards จึงกลายเป็นมากกว่าการเฉลิมฉลองความอร่อย เพราะมันคือการสะท้อนพลังของ Soft Power ที่แต่ละประเทศใช้ผลักดันอุตสาหกรรมอาหารและการท่องเที่ยวในระดับโลก
ประเทศที่ติดอันดับส่วนใหญ่มีจุดร่วมเดียวกันคือ “การใช้วัฒนธรรมเป็นจุดขาย” ซึ่งสะท้อนว่าในโลกยุคใหม่นี้ การแข่งขันด้านอาหารไม่ได้อยู่ที่ “สูตรลับ” อีกต่อไป แต่อยู่ที่ “เรื่องราวและประสบการณ์” ที่ประเทศนั้นถ่ายทอดให้ผู้คนทั่วโลกได้สัมผัส
ประเทศไทยก้าวขึ้นแท่น แชมป์อันดับ 1 ของโลก ด้วยคะแนนเฉลี่ยสูงสุดถึง 98.33% แซงหน้าประเทศมหาอำนาจด้านอาหารอย่างอิตาลีและญี่ปุ่น นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ยืนยันว่า “อาหารไทย” ไม่ได้เพียงถูกใจนักท่องเที่ยว แต่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล
อุตสาหกรรม Gastronomy Tourism (การท่องเที่ยวเชิงอาหาร) กำลังเติบโตทั่วโลก โดยองค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO) คาดการณ์ว่ามีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025 และเติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 7% การเดินทางเพื่อ “ชิมอาหาร” กลายเป็นเหตุผลหลักในการเลือกจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่
ในกรณีของประเทศไทย การที่อาหารไทยได้รับการยอมรับในระดับโลก ไม่ได้สะท้อนเพียง “คุณภาพ” ของรสชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันว่า ไทยกำลังผลักดัน “ครัวไทยสู่ครัวโลก” เป็น ยุทธศาสตร์ Soft Power เชิงเศรษฐกิจ ที่ได้ผลจริง
ความสำเร็จของไทยในปี 2025 มาจากหลายปัจจัยผสมผสานกันอย่างลงตัว
ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ “อาหารไทย” จึงไม่ได้เป็นเพียงเมนูจานอร่อย แต่กลายเป็น “สินทรัพย์ทางเศรษฐกิจ” ที่สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างยั่งยืน
ในมุมมองเชิงธุรกิจ “อาหารไทย” ไม่ได้สร้างรายได้เพียงแค่ในจานหรือในร้านอาหารเท่านั้น
แต่ยังส่งต่อพลังทางเศรษฐกิจไปยังหลายภาคส่วนอย่างน่าทึ่ง
เริ่มจากภาคการท่องเที่ยว — นักท่องเที่ยวต่างชาติถึงกว่า 30% ระบุว่า “อาหารไทย” คือเหตุผลหลักที่พวกเขาเลือกเดินทางมาเยือนประเทศไทยในปี 2025
เมนูอย่างผัดไทย ต้มยำกุ้ง หรือสตรีทฟู้ดรสจัดจ้าน กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้มาสัมผัสรสชาติแท้จริงถึงถิ่น
ในขณะเดียวกัน ภาคการเกษตรและวัตถุดิบไทย ก็เติบโตตามไปด้วย
พริก มะพร้าว และน้ำปลา — วัตถุดิบที่เป็นหัวใจของอาหารไทย — ถูกส่งออกเพิ่มขึ้นกว่า 9% ต่อปี
สะท้อนให้เห็นว่า “อาหารไทย” ไม่ได้ขายแค่รสชาติ แต่ขายทั้งซัพพลายเชนของความอร่อย
ต่อมา อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ก็กลายเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจ
ประเทศไทยติดอันดับ 4 ของโลกในฐานะผู้ส่งออกอาหารพร้อมทานและเครื่องปรุงรส
ซึ่งถือเป็นตลาดมูลค่าหลายแสนล้านบาทต่อปี และยังเติบโตอย่างต่อเนื่องในยุคที่ผู้บริโภคต้องการ “ความสะดวกที่ยังคงรสชาติไทยแท้”
สุดท้าย เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ก็ได้รับอานิสงส์โดยตรง
ทั้งรายการอาหารไทย สารคดีเชิงวัฒนธรรม และครีเอเตอร์สายกินที่เผยแพร่ครัวไทยสู่สายตาโลก
มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าบนแพลตฟอร์มระดับโลกภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี
ทั้งหมดนี้คือหลักฐานชัดเจนว่า “รสชาติไทย” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของลิ้น
แต่มันคือ Soft Power ที่แปลงเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจได้จริง — พลังแห่งวัฒนธรรมที่ทั้งอร่อยและสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างยั่งยืน
เทรนด์ Food Tourism, Local Experience และ Authentic Taste
หลังยุคโควิด ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์แท้จริง” (Authentic Experience) มากกว่าแบรนด์หรือภาพลักษณ์ การเติบโตของแพลตฟอร์มอย่าง TripAdvisor และ TikTok Travel ทำให้ร้านอาหารท้องถิ่นเล็กๆ กลายเป็น “ไวรัลระดับโลก” ได้เพียงข้ามคืน
ประเทศไทยเองได้เปรียบในเทรนด์นี้อย่างมาก เพราะมีทั้ง
สิ่งเหล่านี้ทำให้ไทยเป็นประเทศที่ “ครอบคลุมทุกระดับของตลาดอาหาร” ตั้งแต่ตลาดสตรีทไปจนถึงระดับดาวมิชลิน
บริษัททัวร์ โรงแรม และผู้ประกอบการสามารถพัฒนาแพ็กเกจ “Eat & Travel” ที่เน้นการเรียนรู้วัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น เช่น คลาสทำต้มยำ, ทัวร์ตลาดสด หรือเชฟเทเบิลริมทะเล
เมื่อแบรนด์ “Thai Taste” เป็นที่รู้จักทั่วโลก ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายตลาดส่งออก เช่น น้ำปลา, พริกแกง, เครื่องปรุงรส, อาหารพร้อมทาน และซอสพรีเมียม
ร้านอาหารไทยที่ได้รับตรา “Thai Select” กว่า 1,500 แห่งทั่วโลก ควรต่อยอดด้วยการทำแคมเปญ “Authentic Thai Dining” เพื่อสร้างภาพลักษณ์คุณภาพระดับโลก
สื่อบันเทิง, ซีรีส์, และสื่อออนไลน์สามารถใช้ “อาหารไทย” เป็นจุดขาย เช่น รายการท่องเที่ยว–ทำอาหาร, Content Food Review หรือ Storytelling ที่สื่อสารเอกลักษณ์อาหารแต่ละภูมิภาค
ผลโหวต Readers’ Choice Awards ปี 2025 ยืนยันว่าอาหารไทย “อร่อยที่สุดในโลก” ยังสะท้อนว่า ประเทศไทยสามารถเปลี่ยน “ทุนทางวัฒนธรรม” ให้กลายเป็น “กลยุทธ์ทางเศรษฐกิจ” ได้
เมื่อโลกเริ่มหันมามอง “อาหาร” ในฐานะ Soft Power ที่สร้างรายได้ การรักษามาตรฐานคุณภาพ ความหลากหลาย และความร่วมสมัยของอาหารไทย จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์ประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “ประเทศแห่งอาหารอร่อย” แต่กำลังก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลาง Soft Power ด้านอาหารระดับโลก (Global Gastronomy Hub) หากต้องได้รับการสนับสนุนจากอย่างจริงจังทั้งจากภาครัฐ และความร่วมมือของภาคเอกชน สามารถอาหารไทยอีกหนึ่งฟันเฟื่องทางเศรษฐกิจที่สำคัญไทยได้อย่างยั่งยืน
ที่มา : CNTRAVELLER