Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
อินเดียเดือด! คนแห่แบนสินค้าสหรัฐฯ ดัน “Made in India” โต้ภาษีทรัมป์
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

อินเดียเดือด! คนแห่แบนสินค้าสหรัฐฯ ดัน “Made in India” โต้ภาษีทรัมป์

11 ส.ค. 68
17:57 น.
แชร์

บรรยากาศความไม่พอใจต่อสหรัฐฯ กำลังทวีความรุนแรงทั่วอินเดีย ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียเพิ่มอีก 25% ทำให้ภาษีรวมพุ่งสูงถึง 50% ซึ่งนับเป็นหนึ่งในระดับภาษีสูงสุดที่สหรัฐฯ เคยบังคับใช้กับคู่ค้า การตัดสินใจดังกล่าวไม่เพียงสร้างแรงกดดันต่อผู้ส่งออกอินเดีย แต่ยังจุดกระแสชาตินิยมทางเศรษฐกิจให้ปะทุอย่างกว้างขวาง

ในหลายเมือง กระแสเรียกร้องให้คว่ำบาตรสินค้าสหรัฐฯ กำลังแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมตั้งแต่แบรนด์อาหารจานด่วนและเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่อย่างแมคโดนัลด์และโคคา-โคลา ไปจนถึงแพลตฟอร์มและสินค้าเทคโนโลยีชื่อดังอย่างอเมซอนและแอปเปิล ขบวนการนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากผู้ประกอบการท้องถิ่นและกลุ่มผู้สนับสนุนนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ที่รณรงค์ให้ผู้บริโภคหันมาใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ

แม้ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ากระแสคว่ำบาตรได้กระทบยอดขายของแบรนด์สหรัฐฯ โดยตรง แต่หากอินเดียสามารถผลักดันมาตรการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลกระทบต่อธุรกิจสหรัฐฯ จะมีนัยสำคัญ เพราะอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ถือเป็นตลาดยุทธศาสตร์ที่บริษัทสหรัฐฯ เร่งขยายการลงทุนเพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงซึ่งเติบโตต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม แบรนด์ต่างประเทศยังคงได้รับความนิยมสูงในหมู่ผู้บริโภคอินเดีย และมักถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย ตัวอย่างชัดเจนคือ อินเดียเป็นตลาดผู้ใช้ WhatsApp (ในเครือ Meta) ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นประเทศที่มีสาขาโดมิโน่พิซซ่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกตลาดทั่วโลก

ในตลาดภายในประเทศ แม้แบรนด์ค้าปลีกอินเดียบางรายสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้อย่างสูสี เช่น สตาร์บัคส์ที่ต้องเผชิญคู่แข่งท้องถิ่นที่แข็งแกร่ง แต่การขยายสู่ตลาดต่างประเทศยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรมาก ตรงกันข้ามกับบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศรายใหญ่ของอินเดียอย่าง TCS และ Infosys ที่สามารถสร้างชื่อและประสบความสำเร็จในเวทีโลกด้วยการให้บริการซอฟต์แวร์แก่ลูกค้าทั่วโลก

ธุรกิจและการเมืองรวมพลัง ดัน “Made in India” สู่เวทีโลก

ปัจจุบัน ผู้นำประเทศและภาคธุรกิจในอินเดียกำลังหันมาผลักดันแนวคิด “Made in India” อย่างจริงจัง ทั้งเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในประเทศ และสร้างภาพลักษณ์สินค้าสัญชาติอินเดียให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก

หนึ่งในผู้ขับเคลื่อนกระแสนี้คือ มานิช เชาดารี ผู้ร่วมก่อตั้ง Wow Skin Science ซึ่งโพสต์วิดีโอบน LinkedIn เรียกร้องให้ชาวอินเดียสนับสนุนเกษตรกรและสตาร์ทอัพ พร้อมตั้งเป้าผลักดัน “Made in India” ให้กลายเป็น “กระแสหลงใหลระดับโลก” โดยยกตัวอย่างความสำเร็จของเกาหลีใต้ที่สร้างชื่อเสียงจากการส่งออกอาหารและผลิตภัณฑ์ความงาม

ด้าน ราห์ม ชาสตรี ซีอีโอของ DriveU บริการคนขับรถตามนัด เสนอว่าอินเดียควรพัฒนาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตนเอง เพื่อทดแทนแพลตฟอร์มต่างชาติอย่างทวิตเตอร์ กูเกิล ยูทูบ วอตส์แอป และเฟซบุ๊ก โดยยกตัวอย่างโมเดลจากจีนที่สามารถสร้างแพลตฟอร์มท้องถิ่นขึ้นมาใช้อย่างแพร่หลาย

ในเวทีการเมือง นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ใช้โอกาสระหว่างการปราศรัยที่เมืองเบงกาลูรูเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ย้ำความสำคัญของการพึ่งพาตนเอง โดยระบุว่าบริษัทเทคโนโลยีอินเดียสามารถส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลกได้ แต่ “ถึงเวลาที่เราต้องให้ความสำคัญกับความต้องการของประเทศมากขึ้น” แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อบริษัทใดโดยตรง

ขณะเดียวกัน กลุ่ม สวเดชี ชกรัน มัญจ์ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับพรรคภารติยะชนตะของโมดี ได้จัดการชุมนุมย่อยหลายแห่งทั่วประเทศ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนคว่ำบาตรแบรนด์อเมริกัน อัชวานี มาฮาจาน ผู้ร่วมประสานงานของกลุ่ม ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์สว่า “ผู้คนเริ่มหันมามองสินค้าจากอินเดีย แต่มันต้องใช้เวลา” พร้อมเผยแพร่รายชื่อสินค้าทางเลือกจากแบรนด์ท้องถิ่น เช่น สบู่ ยาสีฟัน และน้ำอัดลม แทนสินค้านำเข้า

นอกจากนี้ บนโซเชียลมีเดีย กลุ่มสวเดชี ชกรัน มัญจ์ ยังเผยแพร่กราฟิก “คว่ำบาตรเชนร้านอาหารต่างชาติ” พร้อมโลโก้ของแมคโดนัลด์และร้านอาหารชื่อดังอีกหลายแห่ง สะท้อนการรวมพลังของภาคธุรกิจและภาคสังคมที่กำลังขับเคลื่อนให้ “Made in India” ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์แห่งการพึ่งพาตนเอง แต่ยังเป็นเครื่องมือสร้างอำนาจต่อรองบนเวทีโลก

ที่มา: Reuters

แชร์
อินเดียเดือด! คนแห่แบนสินค้าสหรัฐฯ ดัน “Made in India” โต้ภาษีทรัมป์