อย่าเพิ่งดีใจกับภาษี 19% ภาคการผลิตไทยยังเปราะบาง โรงงานเปิดใหม่น้อยลง
แม้จะโล่งใจได้เปราะหนึ่งที่ภาษีส่งออกไทยไปยังสหรัฐฯโดนภาษี 19% ถือเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับประเทศในอาเซียน ทั้ง นักเศรษฐศาสตร์และภาคเอกชน เชื่อว่าจะทำให้ไทยยังสามารถแข่งขันได้ และการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะไม่ติดลบหนักอย่างที่กังวลกันก่อนหน้านี้หากโดนภาษี 36%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของภาคการผลิตอุตสาหกรรมไทยยังคงเปราะบางโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ภาพรวมอุตสาหกรรมไทยยังคงสะท้อนความเปราะบางอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะยังไม่โดนภาษี 19% ด้วยซ้ำนั่นแปลว่ายังมีปัจจัยอื่นๆโดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวที่ยังส่งผลต่อภาคการผลิตของไทย
ข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบตัวเลข ที่น่าสนใจเกี่ยวกับจำนวนโรงงานปิดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่จำนวนโรงงานเปิดใหม่กลับลดลงถึง 33% ส่งผลให้ “ส่วนต่างสุทธิของโรงงานเปิดใหม่ลบด้วยโรงงานที่ปิด” หดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าเศรษฐกิจฐานรากของไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันรอบด้าน
สำรวจจำนวนโรงงานปิด-เปิด ครึ่งแรกปี 68
- ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 มีโรงงานเปิดใหม่เพียง 674 แห่ง ลดลงจาก 1,009 แห่งในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
- ขณะที่จำนวนโรงงานที่ปิดตัวอยู่ที่ 358 แห่ง ลดลงจาก 667 แห่งในปีก่อนหน้า ทำให้ส่วนต่างสุทธิเหลือเพียง +316 แห่ง ต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี เทียบกับปี 2566 ที่มีส่วนต่างอยู่ที่ +342 แห่ง และปี 2565 ที่สูงถึง +614 แห่ง
เฉพาะช่วง 6 เดือนแรก (6M)ย้อนหลัง 4ปี
- 6M2565 เปิดใหม่: 1,122 แห่ง ปิดตัว: 508 แห่ง ส่วนต่าง: +614 แห่ง
- 6M2566 เปิดใหม่: 1,013 แห่ง ปิดตัว: 627 แห่ง ส่วนต่าง: +386 แห่ง
- 6M2567 เปิดใหม่: 1,009 แห่ง ปิดตัว: 667 แห่ง ส่วนต่าง: +342 แห่ง
- 6M2568 เปิดใหม่: 674 แห่ง ปิดตัว: 358 แห่ง
- ส่วนต่าง: +316 แห่ง
สำรวจกลุ่มอุตสาหกรรมที่การผลิตยังเปราะบาง
ในภาพรวมอุตสาหกรรมการผลิตลดลง 5% แต่เมื่อเจาะลึกในรายอุตสาหกรรม พบว่าเกือบทุกกลุ่มประสบปัญหาสำคัญ ทั้งยอดเปิดใหม่ที่ลดลงและอัตราการใช้กำลังการผลิตที่หดตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีอัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงมากที่สุดถึง -33% จากปี 2564 สะท้อนถึงความต้องการที่ชะลอลง
ขณะที่กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ (-24%), อิเล็กทรอนิกส์ (-20%), ยานยนต์ (-12%) และสิ่งทอ (-9%) ก็ได้รับผลกระทบหนักไม่แพ้กัน
ด้านจำนวนโรงงานที่เปิดสุทธิ (หักด้วยจำนวนที่ปิด) ก็ลดลงในหลายกลุ่ม เช่น
- อาหารและเครื่องดื่ม ลดจาก +63 เหลือ +45 แห่ง
- เหล็ก โลหะ ลดจาก +58 เหลือ +33 แห่ง
- ยางและพลาสติก ลดจาก +50 เหลือ +29 แห่ง
- เฟอร์นิเจอร์ จากเดิมยังเป็นบวกเล็กน้อย (+8 แห่ง) กลับติดลบถึง -3 แห่งในช่วง6 เดือนแรกของปี 2567–2568
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ภาคการผลิตเผชิญแรงกดดัน ได้แก่
- กำลังซื้อในประเทศลดลง จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย โดยเฉพาะสินค้าคงทน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ รถยนต์
- ผลกระทบจากสงครามการค้ารอบใหม่ และการบังคับใช้ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ หรือที่เรียกกันว่า “ภาษีทรัมป์ 2.0” ซึ่งกดดันการส่งออกของไทย และทำให้สินค้านำเข้าบางประเภทได้เปรียบด้านราคา
- ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบ พลังงาน และค่าแรงที่ยังอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจในหลายอุตสาหกรรมมีความเสี่ยงมากขึ้น
อ้างอิง : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
