การถล่มของอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รวมถึงการจัดซื้อการจัดซื้อครุภัณฑ์สำหรับอาคาร สตง. ที่มีราคาสูงกว่าท้องตลาดอย่างมา
อีกหนึ่งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณากฎหมายและงบประมาณของประเทศไทยนั้นก็คือ รัฐสภาแห่งใหม่ สัปปายะสภาสถาน งบประมาณการก่อสร้างกว่า 2.3 หมื่นล้าน เเม้เปิดใช้งานในเวลาแค่เพียง 5 ปี แต่กลับมีงบปรับปรุงกว่า 2.7 พันล้านบาท
เหตุการณ์เหล่านี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างความโปร่งใสและความรับผิดชอบในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจว่างบประมาณแผ่นดินถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
Spotlight พาคุณผู้อ่านตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยเฉพาะกรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มูลค่า 2,136 ล้านบาท ที่พังถล่มลงมาเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยหลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในเมียนมา เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายความกังวลเกี่ยวกับมาตรฐานการก่อสร้างและการบริหารจัดการโครงการของหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของภาครัฐเอง
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งถูกกล่าวหาว่าปลอมแปลงลายเซ็นวิศวกรควบคุมงาน และเปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่ผ่านมาตรฐาน สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงปัญหาความไม่โปร่งใสและความเสี่ยงในการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตามองคือ การจัดซื้อครุภัณฑ์สำหรับอาคาร สตง. ที่มีราคาสูงกว่าท้องตลาดอย่างมาก เช่น ฝักบัวอาบน้ำชุดละ 11,214 บาท จำนวน 44 ชุด ซึ่งราคาจริง 1,713 บาท สูงกว่าราคาตลาดถึง 9,500 บาทต่อหัว การใช้จ่ายงบประมาณในลักษณะนี้ก่อให้เกิดคำถามถึงความคุ้มค่าและความจำเป็นของการใช้งบประมาณ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า สตง. เป็นองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินของหน่วยงานอื่น ๆ
เหตุการณ์เหล่านี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างความโปร่งใสและความรับผิดชอบในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจว่างบประมาณแผ่นดินถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
Spotlight พาคุณผู้อ่านจับตาอีกหนึ่งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณากฎหมายและงบประมาณของประเทศไทยนั้นก็คือ รัฐสภาแห่งใหม่ สัปปายะสภาสถาน งบประมาณการก่อสร้างกว่า 2.3 หมื่นล้าน พร้อมปัญหาความล้าช้าในการก่อสร้าง การก่อสร้างไม่ตรงตามเสปค สะท้อนถึงถามโปร่งใสและความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณแผ่นดิน
โดยการประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง สภาผู้แทนราษฎร วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงคำของบประมาณประจำปี 2569 ของรัฐสภา โดยพบว่ามีโครงการใหม่จำนวน 15 รายการ มูลค่ารวมกว่า 2,773 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็น 10 โครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว และอีก 5 โครงการที่ยังอยู่ระหว่างการขออนุมัติ
10 โครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ (รวม 956 ล้านบาท)
5 โครงการที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ (รวม 1,817 ล้านบาท):
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ตั้งข้อสังเกตว่าโครงการส่วนใหญ่เน้นไปที่การก่อสร้าง ตกแต่ง และติดตั้งระบบในส่วนต่าง ๆ ของอาคารรัฐสภา ทั้งที่อาคารดังกล่าวเพิ่งสร้างเสร็จและเปิดใช้งานมาเพียง 5 ปี ด้วยงบประมาณกว่า 22,987 ล้านบาท
บางโครงการถูกตั้งคำถามถึงความจำเป็น เช่น:
คณะกรรมาธิการฯ ได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเอกสารรายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละโครงการ เพื่อทำการตรวจสอบความจำเป็นและความเหมาะสมของการใช้งบประมาณดังกล่าว โดยมีแผนจะประชุมและสำรวจพื้นที่จริงในวันที่ 8 พฤษภาคม 2568
.
สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ หรือ "สัปปายะสภาสถาน" ตามสัญญาก่อสร้าง เริ่มต้นในวันที่ 30 เม.ย. 2556 ในวงเงินงบประมาณ 12,280 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญา 900 วัน ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 ผู้รับเหมา บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นจำกัด (มหาชน)
อย่างไรก็ตาม โครงการประสบปัญหาหลายประการ ส่งผลให้ต้องมีการขยายสัญญาก่อสร้างถึง 4 ครั้ง รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 1,864 วัน หรือประมาณ 5 ปี 1 เดือน รวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งหมดเป็น 2,764 วัน หรือประมาณ 7 ปี 7 เดือน
แม้จะมีการขยายสัญญาหลายครั้ง แต่โครงการยังคงประสบปัญหาความล่าช้าและปัญหาการตรวจรับงานที่ล่าช้า อีกทั้งมีการขอเพิ่มงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเปิดใช้งานอาคารรัฐสภาแห่งใหม่และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการบริหารจัดการโครงการของภาครัฐซ้ำเติมในยุคที่ความเชื่อมั่นประชาชนเสื่อมถอยอีกด้วย
ที่มา : Spotlight รวบรวม , การประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง (1 พ.ค. 2568)