Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
“เลือดข้นคนจาง" ศึกสายเลือด ชิงอำนาจดุสิตธานี
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

“เลือดข้นคนจาง" ศึกสายเลือด ชิงอำนาจดุสิตธานี

28 ส.ค. 68
13:17 น.
แชร์

Highlight

ไฮไลต์

ศึกสายเลือด "ดุสิตธานี" ปะทุขึ้นเมื่อทายาทขัดแย้งเรื่องผลประกอบการที่ขาดทุน 5 ปีซ้อน ฝ่ายหนึ่งชี้ว่ามาจากการลงทุนเพื่ออนาคต ขณะที่อีกฝ่ายพยายามปลดพี่ชายออกจากตำแหน่งกรรมการ ท่ามกลางข่าวลือการเทคโอเวอร์ อนาคตของแบรนด์โรงแรมระดับตำนานจึงแขวนอยู่บนเส้นด้าย รอการตัดสินในการประชุมผู้ถือหุ้น

“เลือดข้นคนจาง" ศึกสายเลือด ชิงอำนาจดุสิตธานี

​หากใครยังจำปรากฏการณ์ "ใครฆ่าประเสริฐ" จากซีรีส์สุดเข้มข้นอย่าง "เลือดข้นคนจาง" ได้ เรื่องราวของตระกูล "จิระอนันต์" ที่เบื้องหน้าดูอบอุ่น แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยความลับ การแก่งแย่งชิงดี และรอยร้าวที่รอวันปะทุ คงต้องบอกว่ามหากาพย์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตระกูลผู้ก่อตั้ง "ดุสิตธานี" นั้นมีความดราม่าไม่แพ้เรื่องราวในละครเลยทีเดียว!

ซีรีส์ เลือดข้นคนจาง

​ใจกลางกรุงเทพฯ ยอดแหลมสีทองของโรงแรมดุสิตธานีไม่ได้เป็นแค่แลนด์มาร์ก แต่เป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและแบรนด์ไทยที่ดังไกลไปทั่วโลกมากกว่าเกือบ 80 ปี แต่ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตำนานบทนี้กลับร้อนระอุขึ้นมาด้วยเรื่องราว "ศึกสายเลือด" ที่สั่นสะเทือนวงการธุรกิจ ซึ่งมีครบทุกองค์ประกอบ ทั้งเรื่องมรดก, ความขัดแย้งในครอบครัว และการต่อสู้เพื่อรักษาสิ่งที่เรียกว่า
"จิตวิญญาณของดุสิตธานี"

โรงแรมดุสิตธานีในอดีต

จุดเริ่มต้นแห่งตำนาน และปรัชญา "ธุรกิจด้วยเกียรติ"

​ย้อนกลับไปเกือบ 80 ปีที่แล้ว ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ไม่เพียงแค่วางรากฐานให้อุตสาหกรรมโรงแรมไทยด้วยการสร้างโรงแรมปริ๊นเซสในปี 2491 และ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในปี 2513 เท่านั้น แต่ท่านได้วางหลักการบริหารที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นหัวใจขององค์กรมาโดยตลอด นั่นคือ "Business with Honor" หรือการทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์และมีเกียรติ ไม่เอาเปรียบใคร เชิดชูความเป็นไทย และยึดประโยชน์ของชาติมาก่อนกำไรระยะสั้น ท่านผู้หญิงชนัตถ์ย้ำเสมอว่าครอบครัวและลูกหลานจะต้องเป็นผู้ดูแลรักษามรดกและหลักการนี้ไว้สืบไป ซึ่งนี่คือจุดศูนย์กลางของความขัดแย้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

รอยร้าวที่มองไม่เห็น สู่ศึกสายเลือดที่เปิดเผย

​เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบๆ หลังการจากไปของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ผู้ซึ่งมอบหมายให้ คุณชนินทธ์ โทณวณิก ลูกชาย เป็น "เสาหลัก" ในการดูแลกิจการของครอบครัว แต่แล้วสายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงก็เริ่มพัดแรงขึ้น

SPOTLIGHT ค้นข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นจาก ตลท. ณ วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2568
เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น

โครงสร้างผู้ถือหุ้น Dusit Thani 5 อันดับแรก

1. โครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด
(ประกอบด้วย 4 ส่วน ของทายาทท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย และชนินทธ์ โทณวณิก)

1. นางสินี เธียรประสิทธิ์ 26.57%

2. นางสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค 21.62%

3. นางสาวลลิตา เธียรประสิทธิ์ 0.02%

4. นายภัทร สาลีรัฐวิภาค 0.02%

บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด รวม 422,821,310 หุ้น (49.74%)

2.บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) 145,238,320 หุ้น (17.09%)

3.ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 34,500,000 หุ้น (4.06%)

4.วิชิต ชินวงศ์วรกุล 32,886,000 หุ้น (3.87%)

5.จารุณี ชินวงศ์วรกุล 17,793,300 หุ้น (2.09%)

เปิด​ไทม์ไลน์แห่งความขัดแย้ง:

  • กุมภาพันธ์ 2568: จุดแตกหักแรก! คุณชนินทธ์ถูกน้องสาวทั้งสองใช้เสียงโหวตปลดออกจากการเป็นกรรมการใน บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของครอบครัวและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกือบ 50% ในดุสิตธานี (DUSIT) นับเป็นการเปลี่ยนแปลงอำนาจการลงนามที่ท่านผู้หญิงชนัตถ์วางไว้แต่เดิม
  • 25 เมษายน 2568: เหตุการณ์ช็อกวงการ ในการประชุมผู้ถือหุ้น DUSIT บริษัท ชนัตถ์และลูก ที่นำโดยน้องสาวของคุณชนินทธ์ กลับ โหวต "ไม่" อนุมัติงบการเงินปี 2567 ของบริษัทที่ตัวเองถือหุ้นใหญ่! เหตุการณ์นี้เปรียบเหมือนการปักธงรบกลางที่ประชุม สร้างความสับสนและทำให้การประชุมต้องเลื่อนออกไปอย่างกะทันหัน
  • 28 พฤษภาคม 2568: ในการประชุมครั้งถัดมา สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดขึ้นเมื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่อนุมัติให้กรรมการเดิม 4 ท่านกลับเข้ารับตำแหน่งตามที่คณะกรรมการเสนอ

​สถานการณ์นี้ทำให้นักลงทุนและคนในสังคมสงสัยและเกิดคำถาม ว่า "เกิดอะไรขึ้นในดุสิตธานี?"

ผลประกอบการย่ำแย่ VS แผนยึดครองอำนาจ?

​เรื่องนี้มีคำอธิบายจากทั้งสองฝ่ายที่เหมือนหนังคนละม้วน

  • ฝั่งบริษัท ชนัตถ์และลูก (น้องสาว): ให้เหตุผลที่ไม่อนุมัติงบว่า เพราะบอร์ดบริหารของ DUSIT ตอบคำถามเรื่องสินทรัพย์และหนี้สินไม่กระจ่าง และที่สำคัญคือ DUSIT ขาดทุนมา 5 ปีติดต่อกัน ทำให้พวกเขาในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้รับเงินปันผลเลยแม้แต่บาทเดียว และต้องการเห็นการบริหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ฝั่งคุณชนินทธ์ และ DUSIT: ยืนยันว่างบการเงินโปร่งใส ตรวจสอบได้ และผู้สอบบัญชีก็ให้ความเห็นแบบ "ไม่มีเงื่อนไข" ซึ่งแปลว่า "ไม่เจอปัญหาอะไร" ส่วนประเด็นขาดทุน 5 ปีนั้น พวกเขามองว่าไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่อนุมัติงบ เพราะมันคือ "ผลของการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์” เพื่ออนาคตของดุสิธานี  ไม่ใช่การบริหารที่ผิดพลาดหรือการทุจริต

ปม "ขาดทุน" ที่ซ่อน "การเติบโต"

​เมื่อแกะงบการเงินดู จะพบความจริงที่น่าสนใจ...

​จริงอยู่ที่ DUSIT ขาดทุนสุทธิติดต่อกัน แต่เมื่อมองลึกลงไปจะพบว่า:

  • รายได้ปี 2567 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 11,204 ล้านบาท
  • EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและค่าเสื่อม) พุ่งกระฉูด แสดงว่าธุรกิจหลักอย่างโรงแรมยังทำกำไรได้ดีมาก
  • ​ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว และ จำนวนโรงแรมภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าตัว

​แล้วเงินหายไปไหน? คำตอบคือ "ต้นทุนทางการเงิน" ก้อนมหึมาถึง 578 ล้านบาท ซึ่งมาจาก:

  1. ดอกเบี้ยหุ้นกู้: ที่ออกมาระดมทุนเพื่อประคองบริษัทให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 โดย "ไม่เคยเพิ่มทุน" แม้แต่บาทเดียว เพื่อไม่ให้เป็นภาระของผู้ถือหุ้น
  2. ดอกเบี้ยเงินกู้และสัญญาเช่า: ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเมกะโปรเจกต์ "ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค" มูลค่า 46,000 ล้านบาท!

​พูดง่ายๆ คือ DUSIT ไม่ได้กำลังจะเจ๊ง แต่กำลังอยู่ในช่วง "ลงทุนเพื่ออนาคต" ครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด เหมือนคนสร้างบ้านหลังใหญ่ที่ต้องมีหนี้สินมหาศาล แต่เมื่อสร้างเสร็จ (ซึ่งโครงการ ดุสิต เรสซิเดนซ์ขายได้แล้วกว่า 92% และจะเริ่มโอนในปีหน้า) มันจะกลายเป็นขุมทรัพย์ที่สร้างกำไรอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน


เปิด​เบื้องลึก

​เมื่อเหตุผลเรื่องงบการเงินดูจะฟังไม่ขึ้น คุณชนินทธ์จึงตัดสินใจแถลงข่าวเปิดใจแบบหมดเปลือก เผยเบื้องลึกของความขัดแย้ง

​คุณชนินทธ์อ้างว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องเงินปันผล แต่มันคือ "ความพยายาม Take Over" โดยมี "กลุ่มเซ็นทรัล" อยู่เบื้องหลัง

​เขาเล่าว่าน้องสาวทั้งสองคนพยายามจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกรรมการ เพื่อเปิดทางให้คนนอกเข้ามาควบคุมบริษัท และมีการหารือกับกลุ่มเซ็นทรัลหลายครั้งเพื่อหาทางซื้อหุ้นเพิ่ม ซึ่งอาจนำไปสู่การขายหุ้นของครอบครัวให้แก่กลุ่มเซ็นทรัล ทั้งที่ข้อบังคับของบริษัทห้ามไว้ชัดเจน

“​นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซ็นทรัลพยายามเข้ามา เพราะในอดีตเคยแอบซื้อหุ้น DUSIT ไปถึง 22.5% โดยไม่แจ้งล่วงหน้า จนคุณชนินทธ์ต้องไปเจรจาขอให้ขายออกครึ่งหนึ่ง ด้วยเหตุผลว่า "เราเป็นคู่แข่งกันโดยตรง" ทั้งในธุรกิจโรงแรมและอสังหาฯ ซึ่งจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest)” ชนินทธ์ กล่าว

เดิมพันสุดท้าย

​สถานการณ์ล่าสุดคือ บริษัท ชนัตถ์และลูก ได้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 กันยายน 2568 โดยมีวาระสำคัญคือ "การพิจารณาถอดถอนคุณชนินทธ์ โทณวณิก ออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท" และเสนอชื่อกรรมการใหม่เข้ามาถึง 10 คน ทำให้จำนวนกรรมการเพิ่มจาก 12 เป็น 18 คน

​นี่คือเดิมพันครั้งสุดท้าย!

  • ถ้าคุณชนินทธ์ถูกถอดถอน: อาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของ DUSIT ไปตลอดกาล อำนาจการบริหารมีความเป็นไปได้ที่อาจตกไปอยู่ในมือของคนนอกได้ ซึ่งนั่นจะเท่ากับเป็นการสิ้นสุดยุคของแบรนด์ไทยที่บริหารโดยครอบครัวผู้ก่อตั้งตามเจตนารมณ์ของท่านผู้หญิงชนัตถ์
  • ถ้าคุณชนินทธ์ยังอยู่: เขาคือสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ดั้งเดิม ที่ต้องการให้ DUSIT เป็นแบรนด์ที่เชิดชูความเป็นไทย และทำธุรกิจอย่างมีเกียรติ
ชนินทธ์ โทณวณิก แถลงข่าว 26 ส.ค.68

“ผมขอสัญญาว่า ผมยังจะไม่ไปไหน  และจะยังอยู่กับดุสิตธานีตลอดไป และถ้าหากสามารถปลดผมได้ ผมก็จะยังอยู่กับดุสิตธานีในบทบาทอื่น และจะพยายามอย่างเต็มที่ในการกลับเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารดุสิตธานีเหมือนเดิม ผมจะไม่ยอมทิ้งดุสิตธานีไปไหน  รวมทั้งจะใช้สรรพกำลังทั้งหมดที่มีอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องดุสิตธานี ไม่ให้ถูกยึดครองโดยไม่ชอบธรรม ผมจะคอยทำหน้าที่จับตาและเฝ้าดู กรรมการและผู้บริหารใหม่ รวมถึง ใครก็ตาม หากเข้ามาทำให้ดุสิตธานีเสียหาย ผมจะใช้สิทธิที่ตนเองมีในการดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด” ชนินทธ์ กล่าว

​บทสรุปของมหากาพย์ครั้งนี้ยังไม่จบ มันคือการต่อสู้เพื่อปกป้องมรดกทางจิตวิญญาณที่สร้างมากว่า 76 ปี อนาคตของยอดแหลมสีทองกลางกรุงเทพฯ จะเป็นอย่างไร? คำตอบทั้งหมดอยู่ในมือของผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 กันยายนนี้... ศึกสายเลือดครั้งนี้ ใครจะเป็นผู้กำชัย บนซากปรักหักพังของสายเลือด โปรดติดตามตอนต่อไป….

แชร์
“เลือดข้นคนจาง" ศึกสายเลือด ชิงอำนาจดุสิตธานี