ทุกครั้งที่คุณเดินทางไปที่สนามบิน ภาพที่เราจะเห็นทุกๆ ครั้งจนชินตาก็คือ ภาพของนักท่องเที่ยวแบกกระเป๋า หรือญาติที่มารอรับผู้โดยสารกำลังขมวดคิ้ว และเพ่งมองที่ ‘จอแสดงตารางเที่ยว
บิน’ ที่ร้อยทั้งร้อย ต่างต้องเคยผ่านประสบการณ์นี้กันมาแล้วทั้งนั้น ซึ่งเป็นปัญหาสุดคลาสสิกที่อยู่คู่สนามบินมา 100 ปี นับตั้งแต่สนามบินพาณิชย์แห่งแรกในโลกเปิดให้บริการ
ล่าสุด สายการบิน ‘Delta’ ก็ได้คลอดนวัตกรรมที่จะช่วยจบปัญหานี้ได้อย่างฉับพลัน นั่นก็คือ จอแสดงตารางเที่ยวบินที่เปลี่ยนไปตามแต่ละบุคคล หรือเรียกชื่อเก๋ๆ ว่า ‘The PARALLEL REALITY’ แปลเป็นไทยว่า ‘โลกความจริงแบบคู่ขนาน’ เพียงสแกนใบหน้า ผู้โดยสารที่กำลังมองมาที่จอแสดงผลของสนามบินนั้น ก็จะสามารถเห็นรายละเอียดเที่ยวบินทั้งหมดของตัวเอง แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ซึ่งใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 100 คน!
หาไฟลท์บินเจอง่าย ไม่ต้องเพ่งอีกต่อไป แถมดูพร้อมกันได้เป็น 100 คน
เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ เหมือนกับไม้บรรทัดหรือการ์ดลายการ์ตูนที่เราเคยมีตอนสมัยประถม ที่ถ้าเราบิดองศาไปทางซ้ายหรือขวา จะทำให้เราเห็นรูปที่แตกต่างกัน จอของสายการบิน Delta ก็มีวิธีการใช้งานคล้ายกัน แต่ล้ำกว่า นั่นคือ หลังจากที่ผู้ใช้งานแต่ละคน ยืนยันตัวตนด้วยการ ‘สแกนใบหน้า’ หรือสแกน ‘Boarding Pass’ ซึ่งจะยืนยันข้อมูลผ่านแอพพลิเคชันของ Delta
แล้วกล้องจับความเคลื่อนไหวจะติดตามการเคลื่อนที่ของคุณ เพียงคุณหันขึ้นมามองที่จอแสดงผล คุณก็จะเห็น หมายเลขไฟลท์, ปลายทาง, เวลาเครื่องขึ้นรวมถึง เกตและวิธีเดินทาง ของเที่ยวบินที่คุณกำลังจะไป โดยผู้โดยสารแต่ละคนจะเห็นเพียงแต่ข้อมูลของตัวเองเท่านั้น และผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ไม่ได้สแกนเข้าระบบดังกล่าว ก็จะไม่สามารถเห็นข้อมูลใดๆ ได้
ชมตัวอย่างการใช้งานจริงได้ที่นี่
นวัตกรรมจอสุดล้ำ มองที่เดียวกัน เห็นไม่เหมือนกัน
โปรเจกต์ PARALLEL REALITY นี้ เริ่มใช้จริงแล้วที่สนามบินดีทรอยต์ (Detroit Metropolitan Airport) เป็นที่แรก และที่เดียว ณ ขณะนี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างสายการบิน Delta และ Misapplied Sciences เจ้าของนวัตกรรม ‘PARALLEL REALITY Displays’ เทคโนโลยีจอแสดงภาพที่สามารถแสดงภาพให้ผู้ชมที่ยืนอยู่ที่ตำแหน่งต่างกัน มองเห็นภาพคนละภาพ ตามที่โปรแกรมกำหนดไว้ได้ โดยการฉายภาพที่แตกต่างกัน ไปยังองศาที่ตั้งค่าไว้
ชมวิธีการทำงานของจอ PARALLEL REALITY Displays ได้ที่นี่
ซึ่งจอภาพที่ใช้งานจริงแล้วที่สนามบินดีทรอยต์นี้ เพิ่มเซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวเข้าไปด้วย นั่นหมายความว่า ระบบจะรู้ว่าตำแหน่งที่คุณอยู่คือตรงไหน และจะยิง ‘ลำแสง’ ภาพข้อมูลไฟลท์บินไปยังตำแหน่งที่คุณอยู่แบบจำเพาะเจาะจง และจะทำให้คุณสามารถเดินไป และมองจอไปด้วยได้ ย่นระยะเวลาในการหาข้อมูลไฟลต์บินได้อย่างมหาศาล
ไม่เก็บข้อมูลไว้ที่จอ หมดห่วงเรื่องโดนล้วงข้อมูล
parallel_reality_body.jpg)
หลายคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล Biometric และข้อมูลเที่ยวบิน ด้าน Delta ยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวจะถูกเรียกขึ้นมาเฉพาะตอนที่ผู้โดยสารมาใช้งานหน้าจอ และจะถูกลบทันทีเมื่อผู้โดยสารเดินผ่านไป ไม่ได้เก็บไว้ในระบบ PARALLEL REALITY นี้ ซึ่งในขั้นตอนการสแกนหน้าและ Boarding Pass เพื่อเรียกข้อมูลนั้น ผู้โดยสารจะต้องลงทะเบียนกับสายการบิน Delta ในแอปพลิเคชันก่อน และระบบหลังบ้านจะดึงข้อมูลของส่วนนั้นออกมา ซึ่ง Delta ก็เข้มงวดเรื่องมาตรการความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว
กิมมิคชั่วคราว หรืออนาคตระยะยาวของอุตสาหกรรมการบิน?
สารการบิน Delta เชื่อว่า เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยลดความแออัดที่เกิดขึ้นในสนามบิน รวมถึงลดอุบัติเหตุจากการที่ผู้โดยสารก้มหน้าดูข้อมูลในโทรศัพท์ และเร่งรีบเดินทางไปให้ทันเวลาเข้าเกต โดยไม่ได้มองคนหรือสิ่งของที่อยู่ตรงหน้า
แต่ก็น่าคิดว่า การทุ่มทุนจำนวนมากกับนวัตกรรมเพียงเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร โดยมิได้เห็นผลตอบแทนกลับมาอย่างมีเนื้อหนัง จะเป็นนวัตกรรมที่ยั่งยืนขนาดไหนในโลกธุรกิจ แต่ในอนาคตข้างหน้าที่จอ PARALLEL REALITY มีการใช้งานมากยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรมอื่นๆ ต้นทุนที่ต้องจ่ายก็อาจจะถูกลงกว่านี้ และเราอาจจะได้เห็นเทคโนโลยีสุดล้ำเช่นนี้ ในหลายสถานที่มากขึ้น
ที่มา : Delta, Washington Post, Business Insider, Misapplied Sciences