ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีกระแสไหนแรงเท่ากับการไลฟ์ขายสินค้าของเจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่น กับปรากฎการณ์ไลฟ์ 6 วัน กวาดยอดขายไปมากกว่า 554 ล้านบาท หลายคนมองว่าเรื่องนี้คือปรากฎการณ์ที่ “บ้าไปแล้ว” เพราะเจ้าของแบรนด์รวมถึงคนดังทั่วฟ้าเมืองไทยต่างเข้ามาต่อคิวเพื่อให้ขึ้นไลฟ์บน TikTok ของเจนนี่
แม้ว่าปรากฎการณ์ไลฟ์ขายสินค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถทำยอดขายถล่มทลาย จะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งแรกเพราะก่อนหน้านี้เราเคยได้เห็นตัวอย่าง คนธรรมดาที่กลายมาเป็นแม่ค้า-พ่อค้าออนไลน์สุดปังของไทย อย่างเช่น พิมรี่พาย ตี๋โอ หรือ วิน-วิลเลี่ยม ที่ไลฟ์แต่ละครั้งก็กวาดยอดขายหลักล้านกันถ้วนหน้า
คำถามสำคัญคือ จะทำอย่างไรให้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นเพียงกระแสชั่วคราว ทำอย่างไรที่แบรนด์จะมียอดขายที่ดีระยะยาว ทีม SPOTLIGHT ชวนทุกคนมาถอดบทเรียน ‘เทศกาลเจนนี่’ ต้องขายดีระยะยาว ไม่ใช่แค่กระแส ส่วนเจ้าของแบรนด์และนักการตลาดได้บทเรียนอะไรบ้างจากกรณีเจนนี่? เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ 2 นักการตลาดชื่อดัง คุณณัฐพล ม่วงทำ เจ้าของเพจ "การตลาดวันละตอน" และคุณปรัชญา ปิยะศิริศิลป์ นักการตลาด Agency บริษัท BizDrive และเจ้าของธุรกิจ บริษัท Fuxian
คุณณัฐพล ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า ในช่วงที่ผ่านมากระแสการไลฟ์ของคุณเจนนี่ถือได้ว่าเป็นไวรัลทั่วโลกออนไลน์โดยเฉพาะการที่เธอสามารถสร้าง impact กอบโกยเงินได้มหาศาล ซึ่งหากเรามาดูจุดเริ่มต้นของปรากฎการณ์นี้เกิดจากเรื่องราวความดราม่าที่เจนนี่ทะเลาะกับคุณแม่ของเธอ สิ่งเหล่านี้คือกระแสที่สามารถปลุกให้คนสนใจได้
“อะไรที่เป็นกระแสมักจะได้ผลเสมอ โดยเฉพาะเรื่องดราม่า ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าคนจะสนใจ และสิ่งเหล่านี้เองนี่แหละที่จะกลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์”
โดยคุณณัฐพล ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆเพิ่มเติมว่า กระแสที่เกิดขึ้นเราเห็นมาหลายรูปแบบ เช่น เวลามีคนดังเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง หากลองสังเกตดูคนจะแห่ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็ง จนขึ้น google trends และหลังจากนั้นเราก็จะเห็นโมษณาประกันชีวิตที่คุ้มครองเรื่องมะเร็งเต็มโซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่ตอนแผ่นดินไหว เทรนด์ค้นหาเรื่องประกันบ้านก็ขึ้นมาตามลำดับ
ส่วนมุมมองของคุณปรัชญา มองว่า เทศกาลเจนนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เราได้เห็นบุคคลธรรมดามากมายที่เริ่มสร้างตัวตนจากโลกออนไลน์แล้วกลายเป็นพ่อค้า-แม่ค้านักไลฟ์ แต่สิ่งที่เจนนี่มีและแตกต่างจากคนอื่น คือ ความเก่ง ความฉลาด จากการจับจังหวะเมื่อแสงมา และเปลี่ยนมันเป็นการหารายได้
“ตอนนี้เจนนี่เป็นเหมือนสื่อ เป็นเหมือนช่องรายการ หรือสำนักข่าว เจนนี่คือเจ้าของและเป็นผู้ดำเนินรายการ เจนนี่ขายเวลาให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาซื้อ นี่คือความฉลาดที่เราควรเรียนรู้”
คุณณัฐพล ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเทศกาลเจนนี่ตอนนี้สำหรับแบรนด์และนักการตลาดแล้ว เราสามารถเรียนรู้ได้ 2 รูปแบบ
1.เมื่อกระแสเกิด หากแบรนด์มีทุนทรัพย์ที่เพียงพอ แบรนด์สามารถเล่นกับกระแสโดยตรง โดยการจ้างงานเจนนี่ เพื่อให้แบรนด์เป็นที่พูดถึงและเกิดการพูดถึงในวงกว้าง
2.เล่นกับกระแสโดยที่ไม่ต้องจ้างเจนนี่โดยตรง แต่เล่นการตลาดแบบ real time marketing เช่น การอัดโปรโมชั่นแต่ก็พูดถึงเทศกาลเจนนี่นิดหน่อย
ส่วนมุมมองของคุณปรัชญา มองว่า แม้ว่าตอนนี้กระแสเจนนี่จะมาแรงแต่ต้องอย่าลืมว่า “เจนนี่ไม่ได้เหมาะกับทุกแบรนด์ และไม่ใช่ทุกแบรนด์จะเหมาะกับเจนนี่” หมายความว่า หากเจนนี่เป็นเหมือนสื่อช่องหนึ่ง แต่ละสื่อจะมีกลุ่มผู้ชมเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป การที่แบรนด์จะซื้อโมษณาออกอากาศแต่ละช่องก็ต้องดูที่กลุ่มเป้าหมาย เหมือนกับการยิงแอดให้ตรงกลุ่มจะได้ผลตอบรับที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยคุณปรัชญา ได้วิเคราะห์ว่า target audiences ของช่องเจนนี่ คือกลุ่มผู้หญิง ที่มีอายุประมาณ 25-40+ สินค้าที่ขายดีส่วนใหญ่ราคาประมาณ 300 บาท เป็นราคาสินค้าที่ไม่ต้องคิดมาก หรือพูดง่ายๆว่าซื้อได้แบบไม่ต้องคิดเยอะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แบรนด์ควรเอามาวิเคราะห์ก่อนว่าตรงกับแบรนด์ของเราหรือไม่ แค่ไหน ?
คุณปรัชญา ได้วิเคราะห์ปรากฎการณ์นี้และเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า เจนนี่ Effect เหมือนกับว่าหินก้อนใหญ่โยนเข้าไปในน้ำแล้วเกิด Effect
1.ไลฟ์เบบเดิมๆดูไม่น่าสนใจ เจนนี่ได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ในวงการไลฟ์ เรียลๆดีลงานหน้าไลฟ์ จริงใจกันคนดู
2.หลายคนไม่รู้ว่า effect นี้มันเกิดขึ้นกับเจ้าของแบรนด์ แต่ลูกค้าเดินเข้ามาถามว่ามีโปรเจนนี่ไหม = ราคาที่ถูกลง
3.ภาพการไลฟ์ที่เปลี่ยนไป ไลฟ์สั้นกระชับ แบรนด์ละ 10 นาที ใช้กลยุทธ์เหมือนตัวเองเป็นสื่อ ขายเวลาให้แบรนด์
หากใครดูการไลฟ์ของคุณเจนนี่ เราจะเห็นว่าเธอเป็นคนที่มีสูตรลับเต็มไปหมด ตั้งแต่การรู้ว่าควรพูดอะไร ไม่พูดอะไรเพื่อกันช่องปลิวหรือการเอาดาราดังต่างๆเข้ามามีส่วนร่วมในการไลฟ์ และสิ่งเหล่านี้หลายคนต่างตั้งคำถามว่าสรุปแล้วสูตรลับของเจนนี่ในการไลฟ์บน TikTok คืออะไร ?
เรื่องนี่คุณณัฐพล และ คุณปรัชญา ต่างเล่าในแบบเดียวกันว่า “ไม่มีใครรู้เรื่อง อัลกอริทึม แพลตฟอร์มต่างๆไม่เคยมีใครบอกเรื่องอัลกอริทึม หน้าที่ของเจ้าของแบรนด์ นักไลฟ์ หรือนักตลาด ทำได้เพียงเข้าใจแต่ละแพลตฟอร์มให้ได้มากที่สุด”
คุณณัฐพล ได้แชร์มุมมองว่า หน้าที่ของนักการตลาดคือทำยังไงก็ได้ให้เกิดการซื้อขายมากที่สุด และสิ่งที่ทำให้คนสนใจคือการ drive attention ผู้ชมให้อยากดู โดยส่วนตัวคิดว่าแพลตฟอร์ม TikTok ดัน Live คอนเทนต์มากกว่าคลิป
ส่วนคุณปรัชญา ได้เปิดใจเล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า หลายๆคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ TikTok เช่น ยอด followers คือทุกอย่าง แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่ มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
และหากเจาะลึกพยายามเข้าใจ TikTok เราจะพบว่า TikTok ต้องการ 3 อย่าง
1.ทำยังไงก็ได้ให้เกิดการซื้อขายมากที่สุด ด้วยโมเดล Shoppertainment ที่TikTok พยายามชูโรง
หน้าที่ของครีเอเตอร์คือทำยังไงก็ได้ให้ GMV มากที่สุด >> ใครอยู่ในร้านค้ามากที่สุด ก็จะเพิ่มโอกาสในการซื้อขายมากที่สุด >> คนขายหรือครีเอเตอร์มี traffic
2.ยิ่งลูกค้าอยู่นานยิ่งมีโอกาสซื้อขาย (ต้องมีอะไรมาดึงดูด)
3.ถ้าครีเอเตอร์สามารถทำคลิปส่งเพื่อเพิ่มยอดการมองเห็น
คุณณัฐพล ได้วิเคราะห์ให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า ตอนนี้เป็นเหมือนช่วงขาขึ้นของเจนนี่ น้ำขึ้นให้รีบตัก เจนนี่ต้องต่อยอดเปลี่ยนจากกระแสให้มีความยั่งยืนมากขึ้น เช่นงานอีเวนต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นปีหน้า เพียงแต่กลัวว่าเมื่อถึงวันนั้นกระแสมันอาจจะลดลง ตอนนี้เจนนี่ต้องทำการบ้านให้หนักขึ้น ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อให้เลี้ยงกระแสไปเรื่อยๆ โดยยกตัวอย่างครัวคุณต๋อย ที่เริ่มต้นจากรายการ talk ชิมอาหารแล้วไปจัดงานอีเวนต์ ที่ตอนนี้กลายมาเป็นลายเซ็นที่ชัด ไม่มีใครไม่รู้จัก
“กระแสมีได้ทุกวัน มีทุกชั่วโมง เดี่ยวนี้กระแสมาเร็ว มาแรง มาสั้น 3 วัน 7 วันคือเก่ง เกินเดือนคือของจริง ความยากคือการยืนระยะ”
ส่วนคุณปรัชญา ก็ต่างวิเคราะห์ในมุมเดียวกัน ว่า เจนนี่มีความเก่ง มีความฉลาดในการดึงดราม่า สิ่งนี่เจนนี่ได้ตอนนี้คือการได้โปรโมทตนเองให้ผู้ชมกลุ่มอื่นๆได้รู้จัก สร้างกลุ่ม fandom มากขึ้นโดยดูได้จากยอด followers ที่เพิ่มขึ้น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ คือ “กระแส” หลังจากนี้อาจจะดรอปลงหากไม่ได้เกิดดราม่าเรื่องใหม่ๆขึ้น (ทั้งดีหรือไม่ดี) ต่อไปเราอาจจะได้เห็นเจนนี่ช่วยชาวบ้าน ซื้อรถพยาบาล หรือแจกของต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยดึง traffic ได้มหาศาลและสามารถช่วยยืนระยะได้ โดยยกตัวอย่าง พี่หนุ่มกรรชัย บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการยืนระยะ