Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
รู้จัก WHOOP สายรัดข้อมืออัจฉริยะ ‘ของมันต้องมี’ ของคนดังสายเฮลตี้
โดย : ปาณิสรา สุทธิกาญจนวงศ์

รู้จัก WHOOP สายรัดข้อมืออัจฉริยะ ‘ของมันต้องมี’ ของคนดังสายเฮลตี้

15 ก.ย. 68
18:15 น.
แชร์

ช่วงนี้เทรนด์สุขภาพมาแรง คนรุ่นใหม่หันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ใครชวนไปไหนทำอะไรก็ ไม่พ้นชวนกันไปออกกำลังกาย เข้ายิม พิลาทิส จอย Run Club แช่ ice bath ตบท้ายด้วยปาร์ตี้แบบคนเก๋ๆรักสุขภาพอย่าง Coffee Party

ทำให้คำว่า Longevity และ wellness ถูกพูดถึงอย่างมากตั้งแต่วงการอาหารเสริม คลินิกความงาม หรือแม้ content จากเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ ที่ต่างถกเถียงกันกันอย่างดุเดือด ว่า สรุปคำว่า Longevity ของแต่ละคนคืออะไรกันแน่?

และเมื่อเทรนด์เปลี่ยน บริบทสังคมเปลี่ยนไป ความหมายจากที่เราจำกัดความคำว่า Luxury ก็ได้แปรเปลี่ยนตาม เมื่อก่อนการใช้ชีวิตแบบลัคชูต้องตะโกนว่ารวย แต่ตอนนี้คำว่า Luxury ไม่ว่าจะจำกัดความว่าอะไร แต่สุดท้ายต้องมีคำว่า ‘เวลา’ ที่เป็น quality time และ ‘สุขภาพ’ เข้ามาพวงท้าย

และกลายเป็นว่าหนึ่งในไอเท็มที่มาแรงในตอนนี้ ที่บรรดาคนเศรษฐี เซเลบริตี้ นักกีฬาชื่อดัง หรือแม้แต่ระดับ CEO ต่างใส่กัน คือ WHOOP สายรัดข้อมืออัจฉริยะ ซึ่งหลายคนที่ไม่เคยรู้จักอาจจะคาดเดาว่า WHOOP ต้องมีราคาแพงแน่นอน เพราะบรรดาคนดังที่ใส่เป็นตัวท็อประดับประเทศและระดับโลกทั้งนั้น แต่ความจริงแล้ว WHOOP มีราคาหลักหมื่นบาท ไม่ได้สูงหลักแสนหรือล้าน

บทความนี้ SPOTLIGHT เลยอยากพาทุกคนไป รู้จักกับ WHOOP สายรัดข้อมืออัจฉริยะ ‘ของมันต้องมี’ ของคนดังสายเฮลตี้

WHOOP คืออะไร ?

WHOOP คือ สายรัดข้อมืออัจฉริยะ หรือพูดง่ายๆว่าเป็น Health Tracker ส่วนตัว ที่ผู้ใส่ทุกคนสามารถติดตามสุขภาพร่างกายของตัวเองได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลานอน เวลาตื่น เวลาอาบน้ำ เวลาทำงาน หรือแม้แต่ตอนไปปาร์ตี้ โดยเราสามารถวัดค่าต่างๆของร่างกายของเราได้ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ (HR) ขณะออกกำลังกายหรือตอนดื่มแอลกอฮอล์, ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ (HRV), คุณภาพการนอนหลับ, ความเครียดระหว่างทำงาน หรือ ออกซิเจนในเลือด เช่นเดียวกับแผนฟื้นฟูร่างกายอย่างละเอียด สิ่งสำคัญของ WHOOP คือต้องการให้ผู้ใช้เข้าใจร่างกายของตนเองและปรับปรุงสุขภาพของตนเองให้ดีขึ้น

สิ่งที่ผู้คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ WHOOP คือ WHOOP ไม่ใช่ smart watch ที่เราใช้กันอย่าง Apple Watch หรือ Samsung Galaxy Watch เพราะ WHOOP ไม่มีหน้าจอแสดงผล แต่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากการดูผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน

แม้ว่าจะไม่มีฟังก์ชั่นที่เหมือนกันทุกอย่าง แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ตอนนี้ WHOOP เป็นหนึ่งในบริษัทที่มาแรงชิงลูกค้าในตลาดของ  Apple, Fitbit หรือ Samsung เพราะตอนนี้ WHOOP มีฐานลูกค้าแล้วมากกว่า 125 ล้านคน มี subscribers กว่า 200,000 คน/เดือน ทำให้ปัจจุบัน WHOOP มีมูลค่าบริษัทกว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

WHOOP ดังเพราะอะไร ?

ความโด่งดังของ WHOOP เกิดขึ้นจากบรรดานักกีฬาตัวท็อประดับโลกใส่ อย่างเช่น Cristiano Ronaldo นักฟุตบอลตำนาน LeBron James นักบาสเกตบอลอันดับ 1 ของโลกดีกรีแชมป์ NBA 4 สมัย Aryna Sabalenka นักเทนนิสหญิงแชมป์แกรนด์สแลม

โดยคนได้สงสัยว่าไอ้ที่อยู่ตรงข้อมูลของเหล่านักกีฬาคืออะไร เพราะพวกเขาใส่ติดข้อมือตลอด บางภาพก็มีนาฬิกาที่ใส่และยังมีสายรัดข้อมือสีดำอีก จนได้มารู้ว่านี่คือ WHOOP

และความฮิตของ WHOOP ได้หยุดอยู่แค่นักกีฬาเท่านั้น แต่รวมไม่ถึง CEO แถวหน้าของโลกส่วนในประเทศไทยก็มี คุณท็อป Bitkub หรือ คุณรวิศ เจ้าของแบรนด์ศรีจันทร์ ที่ได้ใส่ WHOOP

WHOOP เกิดขึ้นจากความเนิร์ดของ CEO ที่ยังเป็นนักศึกษา

จุดเริ่มต้นของของ WHOOP เกิดขึ้นจาก Will Ahmed (วิลล์ อาห์เหม็ด) นักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่มีความสนใจในเรื่องกีฬาและการออกกำลังกายอย่างมาก ซึ่งตอนนั้นเขาได้เป็นกัปตันทีมสควอชที่มหาวิทยาลัย และได้ตั้งคำถามว่าตัวเองไม่รู้ว่าที่ฝึกซ้อม เพราะเขามักจะฝึกซ้อมหนักเกินไป พักผ่อนไม่เพียงพอ และไม่ได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูร่างกาย เขาจึงไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองกำลังฝึกซ้อมหนักเกินไป กำลังอยู่ในช่วงพีค หรือกำลังจะได้รับบาดเจ็บ แม้จะมีโค้ชและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญระดับสูง เขาจะทำผลงานได้ดีที่สุดได้อย่างไร หากไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในร่างกายของเขา

เขาจึงได้หาข้อมูลอ่านเอกสารทางการแพทย์กว่า 500 ฉบับ เพื่อตามหาสิ่งที่เขาสงสัย โดยการวิจัยเผยให้เห็นว่าการติดตามตัวชี้วัดสำคัญ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจและความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ไม่เพียงแต่ช่วยปรับประสิทธิภาพการฝึกให้เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น ทำงานได้ดีขึ้น และใช้ชีวิตได้ดีขึ้นอีกด้วย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ WHOOP โดยผลงานของเด็กเนิร์ดขี้สงสัย Will Ahmed (วิลล์ อาห์เหม็ด) ซึ่งเขาได้ก่อตั้งธุรกิจ WHOOP ในปี 2012

ถอด 5 กลยุทธ์ทางการตลาดของ WHOOP

1.กลุ่มลูกค้าชัด

สำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจแล้ว หากจะไปแบบไม่ขอเสี่ยงเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเลือกกลุ่มลูกค้ากลุ่ม mass เพราะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีมากที่สุดในตลาด แต่สำหรับธุรกิจที่เลือกเจาะกลุ่ม niche ความเสี่ยงคือ มันเป็นกลุ่มแคบในตลาด แต่หากเจาะดีๆเข้าใจกลุ่มลูกค้า พฤติกรรมและความชื่นชอบจริงๆ นี่จะกลายเป็นจุดแข็งของแบรนด์ที่สร้าง loyal customer และพัฒนากลายเป็นชุมชนของแบรนด์ที่มีคุณภาพ

ในมุมของ WHOOP แบรนด์ได้วาง position ไว้ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นโดยการ เจาะตลาด Gadget สุขภาพ เน้นไปที่บุคคลเฉพาะกลุ่ม นั่นคือ นักกีฬาระดับแนวหน้า (โดยเริ่มแรก) ไม่ว่าจะเป็น Cristiano Ronaldo, LeBron James, Aryna Sabalenka, Rory McIlroy

กลยุทธ์ของแบรนด์ตั้งแต่วันแรก คือการยึกหลักว่าข้อมูลที่นำเสนอไม่ใช่ข้อมูลทั่วไป เพราะมีความเข้าใจยาก ลึกซึ้ง คนที่เข้าใจที่ต้องเป็นคนที่อยู่สายสุขภาพ หรือเป็นคน Geek (คนที่หมกมุ่นสนใจกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างมาก)  และก็ไม่เป็นไรหากไม่ได้ออกแบบมาเพื่อผู้บริโภคทั่วไปเข้าใจ

เอาจริงๆนี่คือความเสี่ยงสำหรับสตาร์ทอัพน้องใหม่ ในการเลือกเจาะตลาดแบบนี้ เพราะสิ่งที่ WHOOP ต้องแลกมาคือต้นทุนที่ต้องจ่าย ตั้งแต่การไล่ตามกลุ่มนักกีฬาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการเติบโต การหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพการเล่นกีฬาของนักกีฬาอาชีพ แต่กลับกลายเป็นว่ามันเวิร์ค ถึงขนาดที่ว่าสามารถต่อกรกับแบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง Fitbit, Apple หรือ Nike ที่ขยายการเข้าถึงผู้บริโภคกระแสหลักในขณะนั้น

2.แบรนด์ชัด คนสื่อสารก็ต้องชัดกว่า

สิ่งสำคัญสำหรับการการทำธุรกิจในยุคนี้ คือการเลือก Brand Ambassador เพื่อสื่อสาร DNA ของแบรนด์ และการเลือกนั้นต้องไม่ใช่ใครก็ได้ที่โด่งดัง หรือ คาแรคเตอร์ใดก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่แบรนด์ตามหาแบบ 100%

WHOOP เล่นเกมระยะยาวด้วยการหาคนที่มาสื่อสารแบรนด์ให้ชัดผ่าน ‘นักกีฬาที่เป็นระดับตัวท็อป’ เพื่อให้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่พวกเขาต้องการเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน

โดยระหว่างปี 2012 ถึง 2016 WHOOP ได้ทำงานโดยตรงกับนักกีฬาที่มีชื่อเสียง โดยใช้เวลาเพื่อเจาะลึกข้อมูลเชิงลึกและคุณภาพของข้อมูล จนกระทั่งประสบความสำเร็จในการเป็นอุปกรณ์สวมใส่อย่างเป็นทางการสำหรับนักกีฬา MLB และ NFL รวมถึงหน่วยซีลของกองทัพเรือ

ความน่าสนใจคือ WHOOP ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเป็นล้านเพื่อการรับรองอย่างเป็นทางการ แต่อุปกรณ์ที่พวกนักฬาตัวท็อปสวมใส่สามารถดึงดูดความสนใจได้อย่างง่ายดายผ่านการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับผู้เล่นและนักกีฬาชื่อดัง จุดขายก็คือ WHOOPอุปกรณ์สวมใส่ที่ขาดไม่ได้ในระหว่างการฝึกซ้อมและในสนาม ในสังเวียน หรือในสระว่ายน้ำ

การปรากฏบนข้อมือของผู้เล่นระดับ Tier1 ทำให้ WHOOP ได้รับความน่าเชื่อถือโดยธรรมชาติโดยไม่ต้องอาศัยการโปรโมตจากข้อตกลงหรือแคมเปญโฆษณาอย่างเป็นทางการของแบรนด์ สิ่งนี้ทำให้ WHOOP ประสบความสำเร็จในปี 2015 เมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการสู่สาธารณะ

3.สมัยนี้ products อย่างเดียวไม่พอ ต้องมีคอนเทนต์ไว้เสิร์ฟ

นอกเหนือจากการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่แล้ว WHOOP ยังขับเคลื่อนแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ด้านคอนเทนต์ให้ความรู้หลากหลาย ครอบคลุมหลายแพลตฟอร์ม

ตั้งแต่การนำเสนอผ่านโซเชียลมีเดียไปจนถึงพ็อดแคสต์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ WHOOP สื่อสารกับผู้ฟังที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพได้อย่างชัดเจน และคอนเทนต์เรื่องราวของ WHOOP ทีมงานเบื้องหลังผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังนำนักฬาระดับท็อปมาร่วมทำคอนเทนต์โดยแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อดึงดูดความสนใจอีกด้วย

4.ข้อมูลเชิงลึก คือ secret sauce ของแบรนด์

สิ่งที่ทำให้ WHOOP โดดเด่นว่าเจ้าอื่นๆในท้องตลาด คือ ข้อมูลเชิงลึก คำแนะนำที่นำไปปฏิบัติได้จริง และภาพรวมประสิทธิภาพเฉพาะบุคคล การมุ่งเน้นที่ข้อมูลนี้เองที่ทำให้พวกเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์อันสำคัญในช่วงเริ่มต้นของการเติบโต

เมื่อมีข้อมูลเชิงลึกที่เป็นเหมือนจุดขายแล้ว สิ่งสำคัญคือการงัดจุดแข็งมาเป็นจุดขายผ่านการสร้างคอนเทนต์ ผ่านการสร้างเนื้อหาแบบ Spotify Wrapped

5.กำหนดราคาให้ถูกต้อง

สื่งสำคัญที่สุดสำหรับแบรนด์เมื่อลงสนามจริง คือ การตั้งราคา การตั้งราคาในทีนี่หมายถึงการตั้งราคาที่สอดคล้องกับแบรนด์ หากผู้อ่านได้รู้เรื่องราวของ WHOOP คุณสมบัติต่างๆ รวมถึงที่บรรดาคนดังระดับ top tier ของโลกใส่แล้วยังไม่เคยรู้ราคามาก่อน คิดว่า WHOOP ต้องมีราคาแพงมากๆและคนธรรมดาอย่างเราอาจไม่เข้าถึง ถูกไหม ?

แต่จริงๆแล้ว WHOOP มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 10,499 สำหรับรุ่นเริ่มแรกค่าบริการรายเดือนก็สามารถเลือกแพ็กเกจได้ โดยแพ็กเกจ One จะมีราคาประมาณ 550 บาทต่อเดือน ส่วนแพ็กเกจ Peak จะอยู่ที่ประมาณ 660 บาทต่อเดือน

ซึ่งเหล่านี้ทำให้ WHOOP โดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาด เนื่องจากราคาเริ่มต้นถูกแต่สิ่งที่ต้องแลกมาคือการ subscription รายเดือนเพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มวิเคราะห์ ซึ่งแตกต่างจากเจ้าอื่นๆที่ซื้ออุปกรณ์ครั้งเดียวก็ใช้ได้ยาวโดยไม่ต้องจ่ายรายเดือน

อ้างอิง WHOOP NSS Sport NOGOOD Business Insider

แชร์
รู้จัก WHOOP สายรัดข้อมืออัจฉริยะ ‘ของมันต้องมี’ ของคนดังสายเฮลตี้