เมื่อคืนนี้ Foot Locker ร้านค้าปลีกรองเท้าหลากหลายแบรนด์ ได้ประกาศงบไตรมาส 1 ของปี 2025 ออกมา
- รายได้ 58,400 ล้านบาท ลดลง 4.6% (เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว)
- ขาดทุน 11,900 ล้านบาท พลิกจากกำไรเป็นขาดทุน
สาเหตุที่รายได้ กำไร ลดลง มาจากจำนวนคนเข้าชมร้าน (traffic) ที่ลดลงทั่วโลก จนส่งผลให้ยอดขายจากสาขาเดิม (same store sales) ลดลง
ยอดขายจากสาขาเดิม Foot Locker ของแต่ละภูมิภาค
- สหรัฐอเมริกา ลดลง 0.5%
- ภูมิภาคอื่นทั่วโลก ลดลง 8.5%
ทำให้ยอดขายจากสาขาเดิมของทั้งบริษัทในไตรมาสนี้ ลดลง 2.6%
ส่วนถ้าถามว่าทำไมยอดขายจากสาขาเดิมถึงสำคัญ ? คำตอบก็คือ ปกติแล้วเวลาที่มีการขยายสาขาก็จะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างเช่น ค่าก่อสร้าง ค่าเช่า ค่าแรง ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ
ซึ่งการที่ยอดขายจากสาขาเดิมเพิ่มขึ้น ก็จะเท่ากับว่าบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นทันที โดยที่ต้นทุนไม่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
กลับกันแล้วถ้ายอดขายจากสาขาเดิมลดลง แต่เรายังต้องจ่าย ค่าเช่า ค่าแรง ค่าน้ำ ค่าไฟ อยู่ ก็จะเท่ากับว่าเราบริหารได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
พอเรื่องมันเป็นแบบนี้ ในไตรมาสล่าสุด Foot Locker เลยตัดสินใจปิดสาขาลง 56 สาขา และเปิดสาขาใหม่แค่ 9 สาขา สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทกำลังลดสาขาที่ไม่มีประสิทธิภาพลงนั่นเอง
ส่วนราคาหุ้นของ Foot Locker เมื่อคืนนี้ ปิด +0.1% หรือไม่เปลี่ยนแปลง โดยราคาหุ้นจากจุดสูงสุดของ Foot Locker จนถึงตอนนี้ -60% ไปแล้ว สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนลดความคาดหวังกับธุรกิจของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ปิดท้ายด้วยข้อมูลน่ารู้
Foot Locker กำลังจะถูกซื้อกิจการโดย DICK'S Sporting Goods ร้านขายอุปกรณ์กีฬาใหญ่สุดในสหรัฐอเมริกา ในมูลค่า 78,000 ล้านบาท
ที่มา: investors.footlocker-inc.com