สินทรัพย์ดิจิทัล

Facebook IG จะให้สร้างและขาย NFT แล้ว ส่วน Twitter ให้ตั้งโปรไฟล์ NFT ได้

21 ม.ค. 65
Facebook IG   จะให้สร้างและขาย NFT แล้ว ส่วน Twitter ให้ตั้งโปรไฟล์ NFT ได้

Facebook IG เตรียมให้ผู้ใช้ สร้าง - ขาย NFT ส่วน Twitter ให้ตั้งรูปโปรไฟล์ NFT ได้แล้ว

 

มูลค่าปัจจุบันของตลาดสินทรัพย์ NFT ซึ่งเต็มไปด้วยไอเท็มที่ ‘ไม่มีตัวตน และจับต้องไม่ได้’ นี้ พุ่งสูงถึง 4 หมื่นล้านเหรียญ (1.32 ล้านล้านบาท) ในปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลมาจากกระแส “เมตาเวิร์ส” โลกเสมือนที่ทุกคนกำลังจะได้ย้ายกิจวัตรประจำวันไปทำกันบนนั้น
 
แน่นอนว่าบริษัทอย่าง Meta เจ้าของ เฟซบุ๊ก และ อินสตาแกรม ผู้ซึ่งประกาศตนมุ่งหน้าสู่ เมตาเวิร์ส ในปีที่ผ่านมา ต้องออกมาเคลื่อนไหวเพื่อดึงความสนใจของเหล่าสาวก NFT ให้มาอยู่กับแพลตฟอร์มของตัวเอง เพราะในปัจจุบัน Opensea เจ้าใหญ่ที่เปิดซื้อขาย NFT มีผลการดำเนินงานที่โดด้ด่นมากในปี 2564 ในขณะที่แพลตฟอร์มคู่แข่งรายอื่นอย่าง “ทวิตเตอร์” ก็กลายเป็นชุมชนที่ชาว NFT มักจะมาพูดคุย อัพเดตข่าวสารกันมากกว่า
 

มาอัพเดตความเคลื่อนไหวจากยักษ์ใหญ่ Social Media อย่าง “Facebook - Instagram” ของบริษัท Meta และ “Twitter” ถึงการนำ NFT ผนวกเข้าไปในแพลตฟอร์มของตัวเอง

 
Facebook - Instagram มุ่งหน้าให้ผู้ใช้ สร้าง-ซื้อ-ขาย NFT ได้ ปูทางสู่ Metavaerse

themetaverseandhowwellbu

 
สำนักข่าว Financial Times รายงานว่า ทีมพัฒนาของ เฟซบุ๊ก และ อินสตาแกรม กำลังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ให้ผู้ใช้สามารถอวด NFT ที่ตัวเองถือครองอยู่บนโปรไฟล์ของตัวเอง และเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง NFT ของตัวเองได้

นอกจากนี้ เรายังอาจได้เห็น “NFT Marketplace” แพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ที่เป็นของ Meta เองอีกด้วย ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นเสนอไอเดียภายใน ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหาก เฟซบุ๊ก และ อินสตาแกรม จะหันมาจับกระแสความฮอตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงที่การขายของออนไลน์บูมขึ้นใหม่ๆ Meta ก็สร้างฟีเจอร์ Marketplace ขึ้นสำหรับร้านค้าออนไลน์บน เฟซบุ๊ก และฟีเจอร์ Shop บน อินสตาแกรม เพื่อดึงให้แพลตฟอร์มของเองเป็นตัวกลางสำคัญในระบบนิเวศของร้านค้า

ปัจจุบันนี้ หนึ่งเทรนด์ยอดฮิตที่สาวก NFT มักจะทำกันคือ การโพสต์รูปของสินทรัพย์ NFT ที่ตัวเองซื้อหรือประมูลได้มา ลงบนทวิตเตอร์ ซึ่งการขยับตัวของ Meta ในครั้งนี้ ยังส่งผลดีในการดึงคอมมูนตี้ของสาวก NFT มาอยู่บนแพลตฟอร์มของตัวเองมากขึ้นด้วย
 

แน่นอนว่าอีกฝั่งก็ไม่ได้อยู่นิ่งๆ อย่างแน่นอน

 

Twitter เปิดทางผู้ใช้ ผูกกระเป๋า - ตั้งรูปโปรไฟล์

vlcsnap-error495


ดังที่กล่าวไปข้างต้น บนแพลตฟอร์มของทวิตเตอร์ เหล่าผู้ถือครองไอเท็ม NFT มักจะนำ “รูป” ของไอเท็มเหล่านั้นมาอวดบนทวิตเตอร์ ทั้งโพสต์ลงให้เพื่อนๆ เห็น หรือไม่ก็นำมาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์เสียเลย ซึ่งจุดบอดในปัจจุบันก็คือ สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงไฟล์รูปภาพที่ไม่ว่าใครก็สามารถเซฟ และนำมาโพสต์ได้

ทวิตเตอร์จึงออฟฟีเจอร์ใหม่ ที่ทำให้คุณสามารถ เชื่อมต่อกระเป๋า NFT กับบัญชีทวิตเตอร์ แล้วเลือกนำไอเท็ม NFT ที่คุณได้มาอยากถูกต้อง มาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ ซึ่งความแตกต่างระหว่างรูปโปรไฟล์ปกติ กับรูปโปรไฟล์ NFT แบบนี้ ก็คือ

รูปโปรไฟล์ปกติ จะแสดงเป็น กรอบกลม ส่วนรูปโปรไฟล์ NFT จะเป็น กรอบ 6 เหลี่ยม

 

vlcsnap-error134

และเมื่อกดเข้าไปดู ก็จะ ปรากฎรายละเอียดของไอเท็ม NFT ชิ้นนั้น พร้อมชื่อของผู้สร้าง และผู้ครอบครอง เพื่อการันตีว่านี่เป็นไอเท็ม NFT ของจริง ซึ่งคุณสามารถอวดเพื่อนๆ ได้อย่างภาคภูมิใจ

ในระยะเริ่มต้นนี้ ฟีเจอร์ดังกล่าวสามารถใช้งานได้เฉพาะสมาชิก “ทวิตเตอร์ บลู” ซึ่งเป็นบริการสมาชิกแบบรายเดือนของทวิตเตอร์ ราคาเดือนละ 2.99 ดอลลาร์ (ราว 99 บาท) ที่ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงบริการใหม่ๆ และบริการพิเศษได้ก่อนผู้ใช้ทั่วไป ในอนาคตต้องรอติดตามว่าจะเปิดฟีเจอร์นี้ให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้งานหรือไม่

 



นอกจากกระแสตอบรับในเชิงบวกแล้ว ยังมีคนบางกลุ่มตั้งข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของสินทรัพย์ ที่อาจถูกโจรกรรมได้ จากการผูกบัญชีกระเป๋า NFT กับแอปพลิเคชันภายนอก ดังเคสการฉ้อโกงเงินจากบัญชีธนาคารที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ที่ทางธนาคารออกมาชี้แจงว่า การโจรกรรมไม่ได้เกิดขึ้นจากการเจาะมาที่บัญชีธนาคารโดยตรง แต่เกิดจากการเจาะบัญชีของ E-Marketplace ที่ผู้ใช้งานไปผูกบัญชีเอาไว้
 

อาจเป็นการด่วนสรุปเกินไปหากจะกล่าวว่าการที่ผู้ใช้ยอมผูกบัญชีกับโซเชียลแพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับสินทรัพย์ NFT ของรักของหวงของบรรดาสาวกทั้งหลาย แต่นี่เป็นเพียงระยะทดลองเท่านั้น ในอนาคตเราคงได้เห็นบริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ทั้งสองเจ้า ออกมาให้ข่าวเพิ่มเติมในเรื่องนี้

 vlcsnap-error817

ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Morgan Stanley บริษัทธนาคารยักษ์ใหญ่ ออกมาคาดการมูลค่าของตลาด NFT ว่าจะเติบโตขึ้นกลายเป็น 3 แสนล้านดอลลาร์ (9.9 ล้านล้านบาท) ในปี 2030 หรือราว 7,500% จากมูลค่าปัจจุบันที่ราว 4 หมื่นล้านเหรียญ (1.32 ล้านล้านบาท) เมื่อผนวกกับกระแส เมตาเวิร์ส อันร้อนแรงในช่วงปลายปีที่ผ่านมาแล้ว เราคงได้เห็นบริษัทเทคโนโลยี รวมถึงบริษัทในแวดวงอื่นๆ ออกฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ NFT เป็นแน่

advertisement

SPOTLIGHT