กรณีนายสิทธิพร ปานดาง ถูกแทงเข้าที่หน้าอกข้างซ้ายบาดเจ็บสาหัส พร้อม ด.ช.แบงค์ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ลูกชายของผู้บาดเจ็บมีบาดแผลถูกคมมีดเฉี่ยวเข้าที่เอวข้างขวา หลังขับรถกระบะปาดกับ นายอนุชา เอกมณีไพศาล ที่ขับรถเก๋ง ซึ่งบาดเจ็บถูกตีด้วยของแข็งเข้าที่แขนและศีรษะ ภายในซอยมังกรนาคดี ปากทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่ 8 ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
ล่าสุดวันที่ 31 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่เกิดเหตุในซอยมังกรนาคดี พบว่าบริเวณนี้เป็นถนน 2 เลนสวนทางกันได้ จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณกำแพงของโรงงานแห่งหนึ่ง ก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้าน ประมาณ 20 เมตร
น.ส.ฐาปณี วิบูลรัชกิจ อายุ 31 ปี ภรรยาของคนขับกระบะ เล่าให้ฟังว่า ตนพร้อมกับครอบครัวประกอบด้วยสามีและบุตรชาย ขับรถยนต์กระบะ ทะเบียน 8 กร 8439 กทม. กลับมาจากย่านสำโรง และกำลังพากันกลับบ้านพักในซอยที่เกิดเหตุ โดยขับรถมาตามถนนเทพารักษ์ และมากลับรถเพื่อเข้าซอยมังกรนาคดี
จังหวะนั้นมีรถยนต์สีขาว ขับมาปาดหน้าเพื่อเข้าซอยดังกล่าว ตนจึงเปิดกระจกบอกคนขับไปว่า "ทำไมไม่ใช้เลนตัวเอง มาปาดหน้าทำไม" หลังจากนั้นจึงขับรถเข้าซอยมา จนมาเจอรถคู่กรณีอีกครั้ง ขับมาปาดหน้าและจอดรถขวาง ทำให้แฟนของตนเปิดประตูลงไปถามว่า "มีอะไรหรือเปล่า" แต่กลับถูกคนขับคว้ามีดออกมาแทง บุตรชายซึ่งอยู่ในรถจึงวิ่งลงไปช่วยพ่อและคว้าท่อนไม้ลงไปฟาด ส่วนสามีใช้เหล็กลงไปฟาดคู่กรณี แต่ถูกคู่กรณีแทงสวนที่ต้นขาจนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
ทีมข่าวเดินทางมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งนายอนุชา เอกมณีไพศาล คนขับรถเก๋ง พักรักษาตัวอยู่ นายอนุชา เปิดใจกับทีมข่าว พร้อมกับโชว์บาดแผลตามตัวให้ทีมข่าวดู มีแผลถูกตีที่หน้าผาก กระดูกข้อมือขวาหัก เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด รอยช้ำที่แขน หวางขาข้างซ้ายถูกตีใกล้ของลับ นิ้วโป้งเท้าขวาช้ำ และยังมีรอยช้ำที่แผ่นหลังด้วย
นายอนุชา เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนกำลังขับรถกลับบ้าน ยอมรับว่าตนไปดื่มกับลูกน้องหลังเลิกงานมา แต่ตนไม่ได้ถึงขั้นเมาขาดสติ เมื่อตนขับรถมาถึงที่บริเวณปากซอยมังกรนาคดี ซึ่งเป็นซอยเข้าบ้าน ตนรู้สึกมีอาการน้ำตาในเลือดตก จึงรีบอยากจะกลับให้ถึงบ้านเร็วที่สุด จึงขับรถเลี้ยวเข้าซอย ลักษณะจะขับแซงรถของคู่กรณี ซึ่งจุดนี้อาจจะผิด เพราะรถคู่กรณีอยู่ข้างหน้าตน
แต่เรื่องที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่ได้ฝืนเพื่อแซง ยอมให้รถของคู่กรณีขับไป แต่คู่กรณีกลับจอดรถ และเปิดกระจกตะโกนออกมาด่าตนด้วยท้อยคำหยาบคาย ตนได้ยินเสียงผู้หญิงพยายามห้ามและบอกให้คู่กรณีรีบขับรถไป ตนได้ตะโกนตอบไปทำนองว่า อายุเยอะแล้ว จะมาทะเลาะกันทำไม จากนั้นต่างคนก็ต่างขับรถไป ซึ่งมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน
ในระหว่างทางตนขับตามหลังคู่กรณี โดยที่ไม่มีช่วงไหนตนได้ขับแซงคู่กรณี มีเพียงจะพยายามแซง คู่กรณีก็ขวาง จนถึงที่เกิดเหตุตนตัดสินใจจอดรถเพื่อให้คู่กรณีไปก่อน ปรากฏว่าคู่กรณีจอดอยู่หน้าตน ห่างไปประมาณ 30 เมตร ก่อนจะลงจากรถ
เมื่อคู่กรณีลงจากรถ ตอนนั้นตนไม่คิดว่าจะเกิดเรื่อง จู่ ๆ ฝ่ายกระบะได้นำท่อนเหล็กฟาดที่กระจกมองข้างฝั่งซ้ายรถตน และเดินมาที่ตน ตนจึงลงจากรถ จากนั้นคู่กรณีได้ฟาดมาที่ตนอย่างจัง ส่วนลูกชายคู่กรณีได้หยิบไม้มาฟาดตนที่หน้าผาก มีช่วงหนึ่งตนถูกตีจนล้ม คู่กรณีได้ใช้เหล็กฟาดเข้าที่ของลับจนเป็นรอยม่วงช้ำ คล้ายจะทำร้ายจนตนเป็นหมัน ตนได้คลานเข้ามาที่รถ นึกได้ว่าตนพกมีดไว้ใต้เบาะคนขับ จึงหยิบออกมาเพื่อป้องกันตัว หลังจากคู่กรณีไม่ยอมหยุด ตนจึงแทงสวนไปที่คู่กรณี รวมทั้งลูกของคู่กรณีก็จะเข้ามาทำร้ายตน ตนจึงแทงไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตนต่อสู้มือเปล่าจนกระทั่งตนถูกทำร้ายอย่างหนัก จึงต้องใช้มีดที่อยู่ในรถ ตนมองว่าการกระทำของคู่กรณีเกินไป และคูกรณีเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ตนจึงต้องป้องกันตัว และตนอยากให้ฝ่ายคู่กรณีพูดความจริง ตนไม่ได้ขับรถปาดหน้าใครมาก่อน ตนขับรถตามคู่กรณีมาตลอด จะปาดก็เพียงที่ปากซอยที่มีปัญหากับคู่กรณีเท่านั้น ส่วนตัวไม่รู้ตักกับคู่กรณีมาก่อน ไม่เคยเห็หน้า และตนก็เดินทางไปเพียงคนเดียว ส่วนคู่กรณีมีความครัวเดินทางไปด้วยถึง 3 คน น้ำหนักการพูดอาจจะต่างกัน
