ผวา! โปรดิวเซอร์รายการดัง ถูกชายกร่างทำร้ายบุกขับรถชน อ้างใส่เกียร์ผิด

26 พ.ค. 67

โปรดิวเซอร์รายการดัง ผวา ชายกร่างอ้างรู้จักตำรวจทั้งโรงพักรุมทำร้าย-ขับรถชน ขณะที่ตร.ไล่ไปหากล้องวงจรปิดเอง หวั่นไม่ปลอดภัย

 

วันที่ 26 พ.ค.นายวีระเดช อายุ 38 ปี โปรดิวเซอร์รายการดัง และเจ้าของช่อง YouTube เซียนพระ พร้อมด้วย นายจตุเวศ อายุ 24 ปีรุ่นน้อง  ร้องสายไหมต้องรอดจากกรณี ถูกชายปริศนาเข้ามาทำร้าย ในร้านอาหารแห่งหนึ่งเขตคลองสามวา กทม. ช่วงคืนวันที่ 25 ต่อเนื่องวันที่ 26 พฤษภาคม 67

นายวีระเดช เล่าว่า หลังจากคุยงานเสร็จ ได้พาทีมงาน ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน เมื่อเข้าไปถึงร้านไม่ถึง 5 นาที ขณะที่รออาหารอยู่ ก็ถูกชายปริศนาเอาแก้วเข้ามาทุบที่บริเวณท้ายทอย ก่อนที่จะต่อยซ้ำอีก 3 ครั้ง ทำให้ล้มลง ไปทับเศษแก้วที่แตกก่อนหน้า ทำให้มีแผลบริเวณขา เมื่อตั้งตัวได้จึงรีบสอบถามว่าทำร้ายทำไม

แต่ในระหว่างนั้นก็มีเพื่อนของฝั่งคู่กรณี เดินเข้ามาสมทบ ลักษณะเหมือนล้อม กลุ่มของตนที่โต๊ะจึงได้พารุ่นน้อง เดินออกจากร้านเพื่อไปเคลียร์กับคู่กรณี ซึ่งคู่กรณี บอกว่า ที่เข้ามาทำร้ายเพราะ ไม่พอใจที่ตนมองหน้า แต่พอคุยไปคุยมาก็บอกว่า ไม่ได้ตั้งใจทำร้าย แค่หกล้ม เมื่อเห็นว่าพูดคุยกับฟังคู่กรณีไม่รู้เรื่อง จึงได้ชวนรุ่นน้องที่ไปด้วยกลับไปตั้งหลักที่บ้าน แต่ทางคู่กรณียังท้าให้ไปแจ้งความ บอกรู้จักตำรวจสน.นิมิตรใหม่ทั้งโรงพัก แต่เมื่อตนกำลังจะกลับบ้านกลุ่มคู่กรณีได้พากันขับรถตาม จึงได้มีการสั่งให้รปภ. ของหมู่บ้านกันไม่ให้รถคู่กรณีเข้ามาในหมู่บ้าน แต่คู่กรณีกลับชนฝาไม้กั้นทั้งยังชนรุ่นน้องของตน

นายวีระเดช กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุได้โทรศัพท์แจ้งเหตุที่สน.คันนายาว แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 2 นาที ตำรวจสน.นิมิตรใหม่ ได้มาถึงจุดเกิดเหตุทันที และเข้าไปหาคู่กรณีเพื่อเจรจากับคู่กรณีนี้ ก่อนจะเดินมาหากลุ่มของตนให้ไปแจ้งความที่สน.นิมิตรใหม่ แต่พูดจาไม่ดี และ มีการถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของตนและรุ่นน้อง

 

แต่เมื่อไปถึงสน.นิมิตรใหม่ กลับไม่พบคู่กรณี โดยตำรวจอ้างว่า คู่กรณีได้รับบาดเจ็บต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้แล้วว่า เป็นอุบัติเหตุ และใส่เกียร์ผิด แต่เมื่อรุ่นน้องตนจะขอแจ้งความ ตำรวจกลับไม่ให้แจ้งความและบอกว่า "ไม่ต้องแจ้งหรอก" สุดท้ายในคืนนั้นจึงไม่ได้มีการแจ้งความ หลังเดินทางออกจากโรงพักด้วยความไม่สบายใจได้มีการต่อสายหาตำรวจแต่เตำรวจรายดังกล่าวกลับบอกว่าให้ไปร้องกับผบ. ตร.

กระทั่งเช้าวันต่อมา ตนได้เข้าไปแจ้งความที่สน.คันนายาว ในคดีทำร้ายร่างกายที่ร้านอาหาร ส่วนตัวรุ่นน้อง โดยตนได้ขอให้ตำรวจไปขอกล้องวงจรปิดจากร้านอาหารทั้งหมดตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุเพื่อดูว่าผู้ก่อเหตุเดินมาจากส่วนไหนของร้าน แต่ตำรวจกับบอกให้ตนไปขอกล้องวงจรปิดเอง ได้ไปตรวจร่างกายแล้ว เข้าแจ้งความที่สน.นิมิตรใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบ ตนสงสัยว่ามีการเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา เนื่องจากชื่อ ที่ลงในใบบันทึกประจำวัน ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้ตอนนี้ยังหาตัว ผู้ก่อเหตุตัวจริงไม่เจอ

นายวีระเดช ยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักกับฝั่งคู่กรณีเป็นการส่วนตัวมาก่อน และขณะนี้ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่เข้ามาทำร้าย แต่ตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนตัวเพิ่งเปิดร้านอาหาร ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหาร ที่เกิดเหตุไม่ไกลเปิดมาได้ประมาณ 1 เดือน จึงไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ เพราะคืนเกิดเหตุ เจ้าของร้านอาหารที่ไปกินกับรุ่นน้องแล้วเป็นจุดเกิดเหตุก็นั่งอยู่ด้วยแต่ไม่ได้ออกมาช่วยอะไร จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะตอนนี้ทั้งตนและรุ่นน้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและรู้สึกหวาดกลัว

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้ประสานสอบถามไปยังพ.ต.อ.สุทธิพร สุกก่ำ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สน.นิมิตรใหม่ แล้ว ซึ่งพันตำรวจเอกสุทธิพร ยืนยันว่าทาง สน.นิมิตรใหม่รับแจ้งความคดีนี้ไว้แล้ว และพรุ่งนี้พนักงานสอบสวนจะเรียกผู้เสียหายสอบปากคำ ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาที่อ้างว่าใส่เกียร์ผิด ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะกล่าวอ้างอย่างไรก็ได้ แต่จากที่ได้เห็นคลิปวงจรปิดแล้ว ตำรวจไม่เชื่อว่าใส่เกียร์ผิด น่าจะเป็นเรื่องการจงใจมากกว่า และได้รายงาน ผบก.น. 3 ให้ทราบแล้ว

ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา ก็จะตรวจสอบ หากมีการเปลี่ยนตัวจริง ก็จะเข้าข่ายให้การเท็จด้วย ยืนยันว่าตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายแน่นอน พร้อมบอกด้วยว่า การทะเลาะกันในร้าน และยังขับรถตามมาทำร้าย เป็นการคุกคาม ต้องดำเนินคดี พร้อมยืนยันไม่รู้จักกับคู่กรณีแน่นอน

 

 

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส