"ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" เดินหน้าต่อต้านกัญชาเสรี-คอรัปชั่น แฉ! มีคนจ้าง 100 ล้าน ให้ตนหยุดพูด ซัดอีก!! ทนายใช้ช่องโหว่กฎหมายเอาเปรียบ ปชช.
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 28 มี.ค.2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักแฉแห่งยุค ได้ทำกิจกรรมแจกเข็มกลัดต่อต้านคอร์รัปชั่นและเข็มกลัดต่อต้านกัญชาเสรี ให้กับประชาชนที่กำลังเดินทางกลับ ลงทางรถไฟฟ้าสถานีอโศก มีประชาชนรับแจกเข็มกลัดจำนวนมากบางคนได้เซลฟี่และปรบมือให้กำลังใจในการต่อต้านกัญชาเสรี
โดย นายชูวิทย์ ได้บอกให้คนที่รับเข็มกลัดไปนำไปติดไว้ที่หน้าอก และยืนยันว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการต่อต้านคอร์รัปชั่น และไม่เอากัญชาเสรี นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติตำบลคำว่า support เป็นกำลังใจให้กับนายชูวิทย์ด้วย
จากนั้นนายชูวิทย์ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวบริเวณแยกอโศกมนตรี ถนนอโศกมนตรี ฝั่งห้างสรรพสินค้า Terminal 21 โดยมีประชาชนจำนวนมากมาเก็บภาพบรรยากาศ และเฝ้าติดตามการแถลงข่าวด้วย
โดยนายชูวิทย์กล่าวว่า ผลร้ายของการใช้กัญชาส่งผลต่อการป่วยเป็นโรคจิตเวช เป็นผลการวิจัยของสหรัฐอเมริกา และข้อมูลสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย เป็นเรื่องที่ตนต้องการนำมาเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ เด็กเยาวชน ตกเป็นเหยื่อของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ที่เป็นพรรคบ้ากัญชา เป็นภารกิจที่ประชาชนคนไทยทุกคน บรรดาครูบาอาจารย์ พ่อแม่ผู้ปกครอง หมอ ที่จะต้องร่วมกันต่อต้านเรื่องกัญชา เพราะมันเป็นเรื่องเพื่อการแพทย์เป็นเปอร์เซนต์ที่น้อยมาก นอกนั้นเป็นการดูดเพื่อสันทนาการตามโรงเรียน ที่พักอาศัย เพียงเพราะการอนุญาตโดยไม่มีการกลั่นกรอง
นายชูวิทย์กล่าวว่า พูดผ่านสื่อมวลชนไปว่าหากมีประชาชนคนใดถูกทนายความคนใดก็ตาม เอารัดเอาเปรียบ หรือใช้ช่องว่างกฎหมายมาหาประโยชน์ให้ตัวเอง ขอให้แจ้งข้อมูลเบาะแสมาให้ตน ที่ผ่านมาตนพูดในสิ่งที่มีผลกระทบต่อสังคม ต่อประชาชน ไม่ได้ไปพูดเรื่องส่วนตัวของใคร วันนี้ตนขอแค่มารณรงค์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้หายคิดถึง เพราะช่วง เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ ที่ผ่านมา มีแต่คนมาหาเรื่องกับตน มีการว่าจ้างถึง 100 ล้านบาทเพื่อให้ตนหยุดพูด
นอกจากนี้นายชูวิทย์ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของ นายอัจฉริยะ ที่เข้าแจ้งความว่า การทำงานของสื่อมวลชนผ่านรายงานความเท็จจากแหล่งข่าวอย่างคนหัวล้าน ก็ทำให้เกิดความเสียหาย ประชาชนก็ได้รับข้อความเป็นเท็จ ยกตัวอย่างเช่นกรณีของทนายคนหนึ่งไปแถลงข่าวและเรียกรับเงินจากลูกความเป็นค่าแถลงข่าว พวกคุณเป็นนักข่าวก็ไม่มีใครทราบเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่า สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนแบบนี้
