
ใครนอนน้อย-นอนไม่พอ ต้องระวัง! พฤติกรรมเสี่ยงที่นำไปสู่โรคเบาหวาน ได้ง่ายกว่าที่คุณคิด
การนอนหลับ เป็นกระบวนการปกติของร่างกายที่ช่วยให้ร่างกายและสมองได้พักผ่อน แต่หากคุณนอนหลับไม่เพียงพอหรือคุณภาพการนอนหลับไม่ดี จะทำให้ร่างกายและสมองของคุณไม่สามารถทำงานได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งในผู้ใหญ่ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงทุกคืน เพื่อรักษาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม
นอนน้อย ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว เป็นหนึ่งในพฤติกรรมเสี่ยงที่นำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน รวมถึงโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของทั่วโลกและมีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจาก IDF Diabetes Atlas พบว่า 1 ใน 10 คน ทั่วโลกป่วยด้วยโรคเบาหวานมากถึง 537 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 4 ล้านคนต่อปี คาดว่า ภายในปี 2573 จะเพิ่มขึ้นเป็น 643 ล้านคน และภายในปี 2588 จะเพิ่มมากถึง 783 ล้านคน ผู้ป่วยโรคเบาหวานมากกว่า 90% เป็นโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 และเกือบครึ่งหนึ่งยังไม่ได้รับการวินิจฉัย
การอดนอน นอนน้อย นอนไม่พอ จะทำให้ระดับเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความหิวสูงขึ้น และลดระดับเลปติน (Leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากเซลล์ไขมัน ทำหน้าที่หลักในการควบคุมความอยากอาหาร และรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ ผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพออาจมีแนวโน้มที่จะแสวงหาอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการหิว ซึ่งเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดและเสี่ยงต่อโรคอ้วนซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวานได้
ขณะเดียวกัน โรคเบาหวานและการนอนหลับมีความเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน ผู้ป่วยเบาหวานจำนวนมาก มักประสบปัญหาคุณภาพการนอนหลับที่ไม่ดีหรือนอนไม่หลับ ซึ่งอาจเกิดจากความเครียดจากการใช้ชีวิตประจำวัน ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและภาวะดื้อต่ออินซูลินเป็นสัญญาณสองประการของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (T2DM) ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม อารมณ์ และคุณภาพชีวิต มีงานวิจัย พบว่า มีความสัมพันธ์สูงระหว่างคุณภาพการนอนหลับและโอกาสในการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แม้ว่าพันธุกรรมและปัจจัยด้านวิถีชีวิต เช่น อาหารและการออกกำลังกายจะมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาของโรคนี้ก็ตาม
- การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งจะทำให้คุณง่วงนอนได้ง่ายขึ้น
- เข้านอนและตื่นให้เวลาประมาณเดียวกัน เพื่อปรับนาฬิกาชีวภาพของคุณให้สมดุลและเป็นกิจวัตรประจำวัน
- หลีกเลี่ยงการงีบหลับในระหว่างวัน เพราะอาจทำให้คุณนอนไม่หลับในเวลากลางคืน
- งดคาเฟอีน สูบบุหรี่ หรือทำงานใกล้เวลานอนมากเกินไป เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสารกระตุ้นที่บอกให้ร่างกายตื่นนอน
- หยุดจ้องจออย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเวลากลางคืน จะรบกวนการหลับ เพราะไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้สมองไม่หลั่งฮอร์โมนทำให้ง่วงนอน ส่งผลให้หลับยาก คุณภาพการนอนแย่ลง และตื่นมาไม่สดชื่น
- สร้างกิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอน เช่น การอ่านหนังสือหรือฟังเพลง
- รักษาอุณหภูมิบริเวณที่นอนให้เหมาะสม และตรวจสอบให้แน่ใจว่าห้องมืดเพียงพอ
- หากมีสัตว์เลี้ยง ควรแยกสัตว์เลี้ยงออกจากห้องนอนในเวลากลางคืน เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนการนอนหลับของคุณ
Advertisement