
จันทร์ที่ 29 ธันวาคม 2568 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดพบกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เพื่อพูดคุยเรื่องความคืบหน้าเจรจาหยุดยิงในกาซา และคุยเรื่องความกังวลของอิสราเอลที่มีต่อกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนและอิหร่าน
เนทันยาฮูและทรัมป์มีกำหนดพบกันเวลา 15.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่รีสอร์ต มาร์-อา-ลาโก คฤหาสน์และรีสอร์ตส่วนตัวของทรัมป์ที่ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา นี่นับว่าเป็นการพบกันครั้งที่ 5 ระหว่าง 2 ผู้นำ ตั้งแต่ทรัมป์เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2
การพบกันในครั้งนี้มีหัวข้อหลักคือ การหยุดยิงในกาซาระยะที่ 2 ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ควรจะทำร่วมกับคณะรัฐบาลเทคโนแครต (ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ) ปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา และกำกับดูแลโดยคณะกรรมการสันติภาพที่นำโดยทรัมป์ เช่นเดียวกับการวางกำลังของกองกำลังรักษาเสถียรภาพนานาชาติในขณะที่การคงอยู่ของกองทัพอิสราเอล (IDF) ในพื้นที่ฉนวนกาซาถูกถอนออกไปเป็นลำดับ
สื่ออิสราเอล The Times of Israel รายงานว่า อิสราเอลและฮามาสไม่ได้ลงนามอย่างเป็นทางการในข้อตกลงระยะที่ 2 เนื่องจากทั้งสองฝ่ายกล่าวหาว่า อีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงระยะที่ 1
การหยุดยิงระยะที่ 1 ซึ่ง 2 ฝ่ายตกลงกันเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กำหนดให้อิสราเอลถอนกำลังออกจากกาซา และให้ฮามาสยอมสละอาวุธของตนและละทิ้งบทบาทการปกครองในพื้นที่ฉนวนกาซา
เมื่อสัปดาห์ก่อน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอกล่าวถึงความคาดหวังว่า คณะกรรมการสันติภาพและเทคโนแครตชาวปาเลสไตน์จะเข้าบริหารงานในกาซาเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาระหว่างสองฝ่ายเรื่องการละเมิดหยุดยิงดูเหมือนจะทำให้การบรรลุข้อตกลงขั้นถัดไปยากมากขึ้น
ยังมีข้อกล่าวหาว่า ฮามาสยังคงไม่คืนร่างของตัวประกันคนหนึ่ง คือ จ่าสิบเอก แรน กวิลี ในขณะเดียวกัน อิสราเอลก็ปฏิเสธที่จะเปิดด่านราฟาห์ในทั้งสองทิศทาง โดยตกลงเพียงเพื่อยอมให้มีการเคลื่อนที่ออกจากพื้นที่ฉนวนกาซา
ฮามาสกลับมาควบคุมพื้นที่ ในขณะที่อิสราเอลยังคงไม่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ราวครึ่งหนึ่งของฉนวน อิสราเอลได้ส่งสัญญาณว่า หากฮามาสไม่ปลดอาวุธอย่างสันติ อิสราเอลจะกลับมาดำเนินการทางทหารอีกครั้งเพื่อปลดอาวุธกลุ่มนี้เอง
ระหว่างการหยุดยิงที่เริ่มขึ้นเดือนตุลาคม ใช่ว่าการต่อสู้จะยุติโดยสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในกาซาระบุว่า อิสราเอลยังโจมตีและสังหารชาวปาเลสไตน์ไปราว 400 ราย และกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ได้สังหารทหารอิสราเอลไป 3 นาย
อีกประเด็นสำคัญคือเรื่องอิหร่าน มีรายงานว่าอิสราเอลกำลังกังวลถึงการสร้างและขยายการผลิตขีปนาวุธนำวิถีเพิ่ม ซึ่งเป็นผลพวงจากสงคราม 12 วันระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
เมื่อสัปดาห์ก่อนอิหร่านกล่าวว่า ได้ดำเนินการซ้อมรบด้วยขีปนาวุธเป็นครั้งที่ 2 แล้วในเดือนนี้ จึงเป็นเหตุผลที่เนทันยาฮูยกเรื่องนี้ขึ้นมาเจรจากับทรัมป์ ซึ่งได้สั่งการให้ทำลายแหล่งนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ด้านประเด็นเกี่ยวกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์นั้น หลังจากอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธนี้ตกลงหยุดยิงกันไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 และมีการกำหนดให้ปลดอาวุธกลุ่มติดอาวุธชีอะห์ที่อิหร่านสนับสนุน โดยเริ่มในพื้นที่ทางตอนใต้ของแม่น้ำที่ติดกับอิสราเอล
แม้เลบานอนจะยืนยันว่า ใกล้จะปลดอาวุธกลุ่มฮิซบอลเลาะห์สำเร็จแล้ว แต่ฮิซบอลเลาะห์ยังคงขัดขืน และอิสราเอลชี้ว่ายังคงล่าช้าเกินไป และโจมตีเลบานอนเกือบทุกวัน กล่าวว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ฮิซบอลเลาะห์ฟื้นตัวได้