ทรัมป์ทำอะไรปี 2025 เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ยึดเรือ เพิ่มภาษี แก้กฎหมาย
ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การปราบปราม “แก๊งค้ายา” เป็นหนึ่งในหมุดหมายที่รัฐบาลนี้มุ่งมั่นทำ กองทัพสหรัฐฯ ได้ออกมาทราบปราม “แก๊งค้ายา” เหล่านี้เอง ทั้งด้วยการโจมตีทางอากาศ ยึดเรือขนส่งน้ำมัน และวิธีการอื่น ๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Spotlight พาย้อนรอยดูความพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์ในการปราบปรามยาเสพติดระหว่างการบริหารงานสมัยที่ 2 ของเขา ที่มีตั้งแต่แนวทางทางการทูต การค้า กำลังทหาร และนิติบัญญัติ
ตั้งข้อจำกัดการค้าและการทูต
29 สิงหาคม 2568 ทรัมป์ยกเลิกกฎหมายยกเว้นเก็บภาษีศุลกากรสำหรับสินค้ามูลค่าต่ำ (duty free de minimis) สินค้าจากทั่วโลก เพื่อปิดช่องโหว่ที่้ในการหลีกเลี่ยงภาษี และลักลอบขนยาเสพติดเข้าสหรัฐฯ เริ่มต้นจากการกีดกันสินค้าจากจีนและฮ่องกง ต่อมาขยายเป็นสินค้าจากทั่วโลก
การยกเลิกการเก็บภาษีสินค้ามูลค่าต่ำ มีเพื่อส่งเสริมการการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้การซื้อสินค้าสะดวกขึ้นสำหรับผู้บริโภค เช่น สหรัฐฯ เคยยกเว้นการเก็บภาษีสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ
ตามรายงานเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมของ CNN หน่วยงานศุลากากรและพิทักษ์ชายแดน (CBP) รายงานว่า ราว 3 เดือนหลังการยกเลิกข้อยกเว้นภาษีสินค้ามูลค่าต่ำบังคับใช้ สหรัฐฯ ได้เก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าเหล่านั้นแล้วมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“การยึดสินค้าไม่ปลอดภัย และสินค้าคุณภาพต่ำเพิ่มขึ้น 82% รวมถึงสินค้าลอกเลียนแบบ ยาเสพติด สินค้าอิเล็กทรอนิกส์คุณภาพต่ำ และสินค้าที่มีส่วนผสมของสารเคมีอันตราย” เจ้าหน้าที่ CBP กล่าว เสริมว่า ก่อนหน้านี้มีสินค้าผ่านด่านวันละ 4 ล้านชิ้น ขณะนี้เหลือเพียง 1 ล้านชิ้น การคิดภาษีมีตั้งแต่ 10-50% ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทาง
อีกการตั้งข้อจำกัดด้านการค้าและการทูต เพื่อป้องกันการไหลเข้าของยาเสพติดในสหรัฐฯ คือ การตั้งภาษีสินเค้านำเข้าจากจีน ประเทศที่ทรัมป์อ้างว่า เป็นแหล่งที่มาของเฟนทานิล สารตั้งต้นที่ใช้ผลิตยาเสพติด
อย่างไรก็ตาม หลังการพูดคุยกันระหว่างทรัมป์ และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ในเดือนตุลาคม สหรัฐฯ ได้ “ปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนให้สอดคล้องกับความตกลงด้านการค้า”
สหรัฐฯ ลดภาษีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลจากจีนลงเหลือ 10% จากก่อนหน้าที่ 20% และทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า สีสัญญาจะ “พยายามอย่างหนักลดการไหลเข้า” ของเฟนทานิล
ทัพเรือโจมตีเรือขนส่งยาเสพติด
ทรัมป์กล่าวต่อรัฐสภาว่า ขณะนี้สหรัฐฯ กำลังอยู่ท่ามกลาง “ความขัดแย้งทางอาวุธ” กับแก๊งค้ายา กองทัพเรือและเครื่องบินสหรัฐฯ เริ่มการโจมตีเรือที่เขาอ้างว่า ลักลอบขนส่งยาเสพติดผิดกฎหมาย เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2568
การโจมตีอย่างต่อเนื่องได้ทำลายเรือไปแล้ว 30 ลำ และฆ่าคนไปแล้ว 105 คน (ข้อมูลวันที่ 23 ธันวาคม 2568) สหรัฐฯ เรียกผู้เสียชีวิตเหล่านี้ว่า “นักรบผิดกฎหมาย” และชี้แจงว่าสามารถสังหารคนเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต เพราะผ่านการสืบสวนโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ มาแล้ว และไม่เคยมีการเปิดเผยรายงาน หรือรายชื่อดังกล่าว
การโจมตีครั้งล่าสุดเป็นการโจมตีครั้งที่ 23 มีผู้เสียชีวิต 1 คน (ครั้งแรก 2 กันยายน 2568 มีผู้เสียชีวิต 11 คน) ฝ่ายทหารไม่ได้เปิดเผยหลักฐานยาเสพติดบนเรือ และยืนยันว่า ไม่มีทหารสหรัฐฯ ได้รับบาดเจ็บขณะดำเนินการ
คำกล่าวอ้างที่ใช้โจมตีเรือเหล่านี้ อาทิ “ดำเนินการโดยองค์กรก่อการร้ายในน่านน้ำสากล” องค์กรก่อการร้ายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เช่น Tren de Aragua และ the Sinaloa Cartel
การดำเนินการดังกล่าวได้รับเสียงวิจารณ์จากกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนและสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน และอำนาจในการสั่งการของประธานาธิบดีในการชี้หัวว่าใครคือศัตรูของรัฐ
สั่งให้เฟนทานิลเป็นอาวุธทำลายล้างสูง
15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวได้เปิดเผยคำสั่งของทรัมป์สั่งให้ เฟนทานิลผิดกฎหมายและสารตั้งต้นของเฟนทานิลเป็นอาวุธทำลายล้างสูง
“วันนี้ผมก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวเพื่อจะปกป้องอเมริกันชนจากภัยเฟนทานิลร้าย ที่กำลังทะลักเข้ามาในประเทศเราอย่างรุนแรง ด้วยคำสั่งครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ [...] ระเบิดลูกไหนก็ทำไม่ได้อย่างนี้” ทรัมป์กล่าว
กฎหมายสหรัฐฯ ระบุไว้ว่า การใช้ การขมขู่ หรือความพยายามจะใช้อาวุธทำลายล้างสูงเป็นอาชญากรรม มีโทษสูงสุดคือการประหารชีวิต ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โดยรอบ อาวุธประเภทนี้ถูกระบุไว้ว่า คือ “อาวุธใด ๆ ก็ตามที่มีสารชีวภาพ สารพิษ หรือพาหะ”
คำสั่งดังกล่าวบอกว่า การผลิตและจัดจำหน่ายเฟนทานิลเป็นภัยความมั่นคงระดับชาติ “หยุดยั้งเฟนทานิลไม่ให้วางยาประชาชนเรา” และชี้ว่า เฟนทานิลเป็นสาเหตุหลักการเสียชีวิตของประชาชนสหรัฐฯ วัย 18-45 ปี
CBP ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลความมั่นคงชายแดน ต่อต้านองค์กรก่อการร้าย และภัยคุกคามต่อประชาชนอเมริกันกล่าวว่า ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา การจับกุมโคเคน เมธแอมฟีทามีน (หรือยาบ้า) เฮโรอีน เฟนทานิล และกัญชา เพิ่มมากขึ้นถึง 33% ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา
องค์กรยังระบุว่า ได้จับกุมเฟนทานิลผิดกฎหมายได้มากถึง 1,543 ปอนด์ (ราว 700 กิโลกรัม) เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และจับโคเคนได้มากกว่าเดือนตุลาคมถึง 40% รวมถึงยาบ้าได้มากขึ้น 118%
