
ชาวอเมริกันหลายล้านคนที่กำลังจะเดินทางด้วยเครื่องบินในเดือนพฤศจิกายนนี้ อาจจะต้องประสบปัญหาไม่สามารถเดินทางได้ หากว่าการชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ ยังลากยาวออกไปเช่นนี้ และอาจไม่ใช่แค่ชาวอเมริกันที่ประสบปัญหา เพราะในเวลานี้ หลายสนามบินทั่วโลกก็เริ่มเผชิญปัญหาเที่ยวบินล่าช้า อันเนื่องมาจากความล่าช้าที่เกิดจากสนามบินในสหรัฐฯ
นับตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายนเป็นต้นไป รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะตัดลดจำนวนเที่ยวบินจากสนามบิน 40 แห่งทั่วประเทศลง 4 เปอร์เซ็นต์ และจะเพิ่มการลดเที่ยวบินให้เป็น 10 เปอร์เซ็นต์ภายในวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน หากว่าการชัตดาวน์ยังดำเนินต่อไป
สายการบินขนาดใหญ่หลายแห่งได้ยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวบินในวันศุกร์นี้ รวมถึงลากยาวไปจนวันเสาร์และอาทิตย์นี้ โดยการยกเลิกดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสายการบิน เหมือนในวันที่สภาพอากาศย่ำแย่
องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐฯ หรือ FAA ประกาศลดเที่ยวบินใน 40 เส้นทางที่มีปริมาณการจราจรทางอากาศหนาแน่น โดยนายไบรอัน เบดฟอร์ด ผู้บริหาร FAA ระบุว่า จะขอให้สายการบินต่าง ๆ ร่วมมือในการปรับลดตารางบินลงอย่างมีระบบ
ในคำสั่งที่ออกเมื่อวันพฤหัสบดี FAA ได้ระบุรายชื่อท่าอากาศยานที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งรวมถึง 3 สนามบินหลักในนิวยอร์ก ได้แก่ ลากวาร์เดีย (New York LaGuardia), จอห์น เอฟ. เคนเนดี (John F. Kennedy International) และนวร์ก ลิเบอร์ตี (Newark Liberty International) นอกจากนี้ยังมีสนามบินในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ได้แก่ สนามบินบอสตัน โลแกน (Boston Logan International), ฟิลาเดลเฟีย อินเตอร์เนชันแนล (Philadelphia International) และทีเทอร์โบโร ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ (Teterboro Airport)
สำนักข่าว CNN รายงานว่า การปรับลดเที่ยวบินลง 10 เปอร์เซ็นต์ จะทำให้มีเที่ยวบินหลายพันเที่ยวบินทั่วประเทศถูกยกเลิกในหนึ่งวัน โดยการเพิ่มการลดเที่ยวบินจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า เริ่มตั้งแต่การปรับลด 4 เปอร์เซ็นต์ในวันนี้ 6 เปอร์เซ็นต์ในวันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน และ 8 เปอร์เซ็นต์วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน ก่อนจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นลด 10 เปอร์เซ็นต์ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ดังนั้น หากไม่มีข้อตกลงใดมายุติการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ สายการบินต่าง ๆ ก็จะต้องตัดสินใจตัดลดเที่ยวบินตามนี้
แถลงการณ์ของผู้บริหาร FAA ยังระบุอีกว่า กำลังเห็นสัญญาณความตึงตัวในระบบ ดังนั้นจึงตัดสินใจลดจำนวนเที่ยวบินลงอย่างเชิงรุก เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนชาวอเมริกันยังคงสามารถเดินทางทางอากาศได้อย่างปลอดภัย
การชัตดาวน์รัฐบาล ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ได้รับค่าจ้าง แม้ว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรอากาศและเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการความปลอดภัยทางคมนาคมจะได้รับการพิจารณาว่าเป็น “พนักงานที่มีความสำคัญ” แต่คาดว่าพวกเขาต้องไปทำงานในช่วงการชัตดาวน์โดยไม่ได้รับเงินเดือน
นิก ดาเนียลส์ ประธานสมาพันธ์ควบคุมการจราจรอากาศแห่งชาติเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรอากาศกำลังลาออกในทุก ๆ วัน อันเนื่องมาจากการชัตดาวน์ที่ยาวนาน โดยขณะนี้ ทางหน่วยงานขาดแคลนผู้ควบคุมการบินอยู่ราว 400 คน
ขณะที่ CNN พบว่า มีรายงานปัญหาการขาดแคลนบุคลากรมากกว่า 450 ตำแหน่งในศูนย์ปฏิบัติการของ FAA นับตั้งแต่ภาวะชัตดาวน์รอบนี้เริ่มขึ้น
และนี่คือรายชื่อของสนามบินที่จะเริ่มลดเที่ยวบิน นอกเหนือจากที่กล่าวไปแล้วเบื้องต้น
Indianapolis International, Chicago Midway International, Chicago O’Hare International, Cincinnati/Northern Kentucky International, Detroit Metropolitan Wayne County, Louisville International and Minneapolis-St. Paul International, Charlotte Douglas International, Dallas Love Field, Dallas-Fort Worth International, Fort Lauderdale-Hollywood International, Hartsfield-Jackson Atlanta International, Houston Hobby, George Bush Houston Intercontinental, Memphis International, Orlando International, Miami International and Tampa International, Baltimore/Washington International, Washington Dulles International and Ronald Reagan Washington National, Denver International, Las Vegas McCarran International, Los Angeles International, Oakland International, Ontario International, Portland International, Phoenix Sky Harbor International, San Diego International, Seattle/Tacoma International, San Francisco International and Salt Lake City International, Anchorage International and Honolulu International.