
6 พฤศจิกายน 2568 ทางการฟิลิปปินส์เปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นคัลแมกีสูงถึง 140 คน และผู้สูญหาย 127 คน ไต้ฝุ่นกำลังมุ่งหน้าไปเวียดนามต่อไป
สำนักงานป้องกันพลเรือนแห่งชาติยืนยันผู้เสียชีวิต 114 ราย และมีอีก 28 รายที่บันทึกโดยเจ้าหน้าที่จังหวัดเซบู นายเบอร์นาร์โด ราฟาเอลิโต อาเลฆานโดที่ 4 รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันพลเรือน กล่าวว่า การเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดที่จังหวัดเซบู ภาคกลางของฟิลิปปินส์
ภาคกลางของฟิลิปปินส์คือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เจ้าหน้าที่กล่าวว่า คัลแมกีทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและทำให้แม่น้ำและทางน้ำอื่น ๆ เอ่อล้น น้ำท่วมใหญ่กลืนชุมชนไว้ใต้น้ำในเวลาเพียงไม่กี่นาที ชาวบ้านหลายรายต้องปีนขึ้นมาอยู่บนหลังคา
สำนักงานป้องกันพลเรือนกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 71 คนในเซบู ส่วนใหญ่เนื่องจากการจมน้ำ อีก 65 คนถูกรายงานว่าสูญหาย และ 69 คนได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ ในจังหวัดข้างเคียง เนโกรส อ็อกซิเดนทัล (Negros Occidental) มีรายงานผู้สูญหายอีก 62 คน
ผู้ว่าการจังหวัดเซบู พาเมลา บาริควาโตร ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสำนักข่าว AP ถึงสถานการณ์ภัยพิบัติ
“เราทำทุกอย่างที่เราทำได้เพื่อรับมือพายุแล้ว แต่คุณก็รู้ บางครั้งมีสิ่งที่ไม่คาดคิดจริง ๆ อย่างน้ำท่วมฉับพลัน” ผู้ว่าการกล่าว
ในจำนวนผู้เสียชีวิต มี 6 คนเสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศฟิลิปปินส์ตกในจังหวัดอากูซาน เดล ซูร์ (Agusan del Sur) เมื่อวันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวกำลังมุ่งหน้าไปให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ประสบภัย แต่ไม่ได้ระบุสาเหตุของการตก
ก่อนหน้าไต้ฝุ่นคัลแมกีจะพัดถล่มเซบู จังหวัดที่มีประชากร 2.4 ล้านคนแห่งนี้มีปัญหาหนักอยู่แล้ว คือกำลังฟื้นตัวจากแผ่นดินไหวขนาด 6.9 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 79 คน และทำให้หลายพันคนต้องพลัดถิ่น
ผู้คนที่บ้านและอาคารที่อยู่อาศัยเสียหายอย่างหนักต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์ชั่วคราว ก่อนที่ทางการจะสั่งย้ายพวกเขาหลายพันคนไปยังศูนย์อพยพที่แข็งแรงขึ้นก่อนที่พายุจะถล่ม อย่างไรก็ตาม พื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวทางเหนือของเซบูไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากไต้ฝุ่น
นอกจากภัยธรรมชาติ เซบูเผชิญปัญหาอื่นที่เกิดจากมนุษย์ด้วย ข้อแรกคือการทำเหมืองหิน การทำเหมืองหินต่อเนื่องหลายปีในเซบูทำให้แม่น้ำอุดตัน น้ำท่วมล้น และอาจเป็นปัญหาต่อโครงการจัดการน้ำท่วมที่มีปัญหาการทุจริตอยู่อีกทาง
หลายเดือนที่ผ่านมา มีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตโครงการควบคุมน้ำท่วมในจังหวัดเซบู ซึ่งมีประชากร 2.4 ล้านคน ด้วยการประกาศภาวะภัยพิบัติเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือฉุกเฉินได้รวดเร็วขึ้น ข่าวการทุจริตดังกล่าวจุดให้ประชาชนออกมาประท้วงบนท้องถนนหลายครั้ง
ฟิลิปปินส์มีพายุไต้ฝุ่นและพายุฝนฟ้าคะนองถล่มราว 20 ลูกต่อปี มีแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง และยังมีภูเขาไฟที่ยังไม่ดับอยู่อีกราว 10 ลูก ทำให้ประเทศนี้เป็นหนึ่งในประเทศที่เผชิญภัยพิบัติมากที่สุดประเทศหนึ่ง
ก่อนที่คัลแมกีจะขึ้นฝั่ง เจ้าหน้าที่กล่าวว่า มีการอพยพคนกว่า 387,000 คนไปยังพื้นที่ปลอดภัย หน่วยยามฝั่งกล่าวว่า เรือเฟอร์รีและเรือประมงถูกห้ามไม่ให้ออกสู่ทะเลที่มีคลื่นแรง ทำให้ผู้โดยสารและคนขับรถบรรทุกสินค้ากว่า 3,500 คนติดค้างอยู่ในท่าเรือเกือบ 100 แห่ง และเที่ยวบินภายในประเทศกว่า 186 เที่ยวบินถูกยกเลิก
ตามรายงานของนักพยากรณ์ ไต้ฝุ่นคัลแมกีได้เคลื่อนออกจากจังหวัดปาลาวันทางตะวันตกเข้าสู่ทะเลจีนใต้แล้วช่วงก่อนเที่ยงวันพุธที่ผ่านมา และกำลังมุ่งหน้าไปยังเวียดนาม
ทางตอนกลางของเวียดนามเองก็ยังไม่ฟื้นตัวดีจากฝนที่ตกต่อเนื่องตลอดหลายวันที่ผ่านมา อันทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดังกล่าวกำลังเตรียมพร้อมรับฝนหนักเพิ่มเติมขณะคัลแมกีเคลื่อนตัวมาใกล้ เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมแผนอพยพ กักตุนอาหาร และเรือประมงเดินทางกลับเข้าฝั่ง
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาประเทศไทยออกประกาศเตือนเรื่องพายุคัลแมกีเช้าวันนี้ (6 พฤศจิกายน 2568) เป็นฉบับที่ 5 ชี้ว่า เมื่อช่วง 04.00 น. พายุคัลแมกีอยู่ในทะเลจีนใต้ ศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 510 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองกวีเญิน ประเทศเวียดนาม ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
คาดว่า พายุนี้จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 6-7 พฤศจิกายน 2568 หลังจากนั้น จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชันเคลื่อนผ่านประเทศลาว โดยในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 จะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ
กรมอุตุฯ ชี้ว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยจะเริ่มจากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ และเตือนให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร
คลื่นบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเตือนให้งดออกทะเลระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายน 2568
ที่มา: CNA