
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ชาวอเมริกันนับล้านคนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในหลายรัฐ รวมถึงศึกชิงนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก และศึกชิงผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย และรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นบททดสอบของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ หากตัวแทนจากเดโมแครตคว้าชัย อาจเป็นสัญญาณว่าฐานคะแนนเสียงเดิมไม่พอใจการทำงานของทรัมป์สักเท่าไร
ล่าสุด ผลการเลือกตั้งที่ออกมาอาจทำให้ทรัมป์ต้องพิจารณาแนวทางการบริหารประเทศใหม่ เพราะผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนียคนใหม่ตกเป็นของอบิเกล สแปนเบอร์เกอร์ จากพรรคเดโมแครต และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐนิวเจอร์ซีย์คนใหม่ก็คือ มิกี เชอร์ริลล์ จากพรรคเดโมแครตเช่นกัน ขณะที่โซห์ราน มัมดานี ผู้สมัครสายอิสระเป็นผู้ชนะม้ามืด คว้าตำแหน่งนายกเทศมนตรีนิวยอร์กไปได้ ก็สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีตัวแทนจากรีพับลิกันคว้าชัยในศึกนี้อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม CNN มองว่า ผู้ชนะจากพรรคเดโมแครตมีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งชัยชนะเหล่านี้แทบจะไม่ได้ช่วยยุติความขัดแย้งภายในพรรคเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตได้เลย แต่อย่างน้อย แคมเปญหาเสียงของพวกเขาก็มีบางสิ่งที่เหมือนกันคือ การมุ่งเน้นไปที่ปัญหาค่าครองชีพที่เข้าถึงได้ แม้ว่าวิธีแก้ปัญหาจะต่างกัน แต่ทุกคนก็วิจารณ์ผลงานของทรัมป์อย่างดุเดือด และดูเหมือนว่าผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงจะเทไปทางเดโมแครตมากกว่า
อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ-คอร์เทซ ส.ส. นิวยอร์ก กล่าวในงานฉลองชัยชนะของโซห์ราน มัมดานี ว่า “นี่ไม่ใช่แค่การส่งสารเกี่ยวกับเดโมแครตเท่านั้น แต่เป็นสารเกี่ยวกับประเทศของเราทั้งหมด ฉันคิดว่าชาวอเมริกันตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดนี้” ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่ 3 พื้นที่ยุทธศาสตร์ข้างต้นเท่าน้นที่เดโมแครตกวาดคะแนนเสียงมาได้ เพราะในรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐเพนซิลเวเนียที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็เป็นพื้นที่ของเดโมแครตเช่นกัน
Spotlight ชวนอ่านบทความวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนว่าทรัมป์เสื่อมความนิยมหรือไม่ มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เดโมแครตกลับมามีพลังในท้องถิ่นอีกครั้ง
มัมดานีดึงดูดความสนใจจากทั่วประเทศอย่างมากจากอุดมการณ์ก้าวหน้าของเขา โดยมุ่งเน้นลดค่าครองชีพของชาวอเมริกันอย่างไม่ลดละ เขาหาเสียงด้วยนโยบายลดขั้นตอนราชการในการสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง และหากหากเขาทำตามคำสัญญาได้สำเร็จ นครนิวยอร์กก็จะกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศที่ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่แอนดรูว์ คูโอโม อดีตผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ที่พยายามจะกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งหลังจากลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการในปี 2021 ผลลัพธ์ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องน่าอาย และยังเป็นความล้มเหลวของทรัมป์ด้วย เพราะในช่วงท้ายของการเลือกตั้ง ทรัมป์ได้สนับสนุนคูโอโมจากพรรคเดโมแครต แทนที่จะเป็นเคอร์ติส สลิวา จากพรรครีพับลิกัน โดยทรัมป์กล่าวในรายการ “60 Minutes” ของ CBS เมื่อวันอาทิตย์ว่า “ถ้าต้องเลือกระหว่างเดโมแครตที่แย่กับคอมมิวนิสต์ ผมจะเลือกเดโมแครตที่แย่เสมอ
การคว้าชัยในรัฐเวอร์จิเนีย นับเป็นชัยชนะครั้งสำคัญครั้งแรกของเดโมแครต โดยสเปนเบอร์เกอร์ อดีตเจ้าหน้าที่ CIA ที่เคยชนะในเขตสภาผู้แทนราษฎรที่มีการแข่งขันสูงในปี 2018 และลาออกในปีนี้เพื่อลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งซึ่งเป็นรองผู้ว่าการรัฐจากรีพับลิกันได้ ด้วยคะแนนเสียง 64% เลยทีเดียว และหากเทียบสถิติกับผู้ลงสมัครพรรคเดโมแครตคนอื่น ๆ เขาทำได้ดีกว่าทุกคนที่ผ่านมา
CNN วิเคราะห์ว่า เหตุผลสำคัญมาจากนโยบายอันล้มเหลวของรัฐบาลทรัมป์ในการลดจำนวนพนักงานของรัฐบาลกลาง ซึ่งมีพนักงานและอดีตพนักงานรัฐบาลกลางหลายพันคนอาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้ นี่จึงเป็นเสียงสะท้อนของความโกรธแค้นของครอบครัวและเพื่อน ๆ รวมถึงตัวพนักงานรัฐบาลกลางเองที่ชีวิตต้องพลิกผันเพราะนโยบายรัดเข็มขัดของทรัมป์
ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร การเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนียครั้งนี้ก็สร้างประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน เพราะผู้ชนะจะกลายเป็นผู้หญิงคนแรก ที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนี้ สเปนเบอร์เกอร์เน้นย้ำถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์นี้ โดยเล่าให้ผู้สนับสนุนฟังว่า สามีของเธอบอกลูก ๆ ว่าแม่ของพวกเขาจะกลายเป็นผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย เธอกล่าวว่า “เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เด็กผู้หญิงและหญิงสาวที่ฉันพบระหว่างหาเสียงตอนนี้รู้แน่ชัดว่า พวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง”
การเลือกตั้งในรัฐนิวเจอร์ซีย์เป็นการวัดกระแสต่อต้านทรัมป์ ได้ดีกว่ารัฐเวอร์จิเนีย เพราะแม้ว่าผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันคือ แจ็ค ซิอัตตาเรลลี จะมีภาพลักษณ์ที่ดีในฐานะคนเมืองเจอร์ซีย์โดยแท้ และเคยมีผลงานการเลือกตั้งที่ดีมาก่อน แต่เขากลับ ไม่สามารถหลุดพ้นจากการถูกเชื่อมโยงกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เลย พรรคเดโมแครตใช้ความสัมพันธ์พิเศษที่เขามีกับทรัมป์โจมตีแจ็คมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับรีพับลิกันในรัฐนิวเจอร์ซีย์อยู่แล้ว เนื่องจากผู้โหวตให้พรรคเดโมแครตมีจำนวนมากกว่ารีพับลิกันถึงกว่า 800,000 คน
ผลลัพธ์ที่ออกมาชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แจ็คไม่สามารถสร้างแนวร่วมได้ตามที่คาดหวัง ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตคือมิกี เชอร์ริลล์ ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผู้ลงคะแนนเสียงชาวละติน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทรัมป์เคยทำผลงานได้ดีในการเลือกตั้งครั้งก่อน แต่ครั้งนี้ เชอร์ริลล์ชนะไปถึง 64% เทียบกับแจ็คที่ได้เพียง 32% นอกจากนี้ เธอยังชนะคะแนนเสียงจากผู้ลงคะแนนผิวสีถึง 91% รวมถึงได้รับคะแนนนำจากกลุ่มสายกลางและผู้ลงคะแนนอิสระอีกด้วย ชัยชนะเหล่านี้จึงถูกมองว่าเป็น สัญญาณที่ชัดเจนว่ากระแสต่อต้านทรัมป์ยังคงมีพลังสูงในรัฐที่มีผู้ลงคะแนนหลากหลายและเอียงไปทางเดโมแครต
การเลือกตั้งในรัฐแคลิฟอร์เนียได้สร้างผลประโยชน์ครั้งใหญ่ ให้กับพรรคเดโมแครตในระดับประเทศ และยังช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้กับ กาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐเดโมแครตด้วย โดยผู้ลงคะแนนเสียงในแคลิฟอร์เนีย อนุมัติมาตรการลงคะแนนเสียงให้มีการแบ่งเขตเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรใหม่ แผนที่เขตเลือกตั้งใหม่นี้จะทำให้พรรคเดโมแครตได้เปรียบเพิ่มขึ้นอีก 5 เขต ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้เดโมแครตชนะเสียงข้างมากในการเลือกตั้งกลางเทอมปีหน้า
การกระทำของนิวซัมเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อรัฐเท็กซัส ที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ร่างแผนที่เขตเลือกตั้งใหม่เพื่อช่วยให้พรรครีพับลิกันได้เปรียบ 5 เขตเช่นกัน เขาได้ใช้มาตรการนี้เป็นเวทีแสดงความสามารถในการต่อต้านทรัมป์ โดยเขาเป็นผู้นำในการรณรงค์ระดมทุนจำนวนมาก (ราว 108 ล้านดอลลาร์) และปรากฏตัวในโฆษณาเพื่อสนับสนุนมาตรการนี้อย่างแข็งขัน
ความสำเร็จนี้ทำให้นิวซัมโดดเด่นขึ้นบนเวทีระดับชาติ และเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของเขาในฐานะผู้นำเดโมแครตที่กล้าชนกับทรัมป์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความทะเยอทะยานที่อาจจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2028