Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เกิดอะไรขึ้นในไนจีเรีย? ทรัมป์ต้องส่งกองทัพไปช่วยชาวคริสต์ที่ถูกไล่ล่า
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

เกิดอะไรขึ้นในไนจีเรีย? ทรัมป์ต้องส่งกองทัพไปช่วยชาวคริสต์ที่ถูกไล่ล่า

3 พ.ย. 68
12:48 น.
แชร์

รัฐบาลไนจีเรียประกาศยินดีรับความช่วยเหลือทางทหารจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในการต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธอิสลาม ตราบใดที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงให้ความเคารพต่อบูรณภาพแห่งดินแดนไนจีเรีย โดยนายแดเนียล บวาลา ที่ปรึกษาประธานาธิบดีไนจีเรีย โบลา ทินูบู กล่าวกับรอยเตอร์ส ระบุว่า "เรายินดีรับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ตราบใดที่ตระหนักถึงบูรณภาพแห่งดินแดนของเรา"

คำประกาศดังกล่าวเป็นการตอบรับท่าทีของสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการทางทหารที่อาจเกิดขึ้นอย่าง "รวดเร็ว" ในไนจีเรีย หากประเทศในแอฟริกาแห่งนี้ไม่สามารถปราบปรามการสังหารชาวคริสต์ได้

ต่อมา ทรัมป์ยังยืนยันกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ด้วยว่า กองทัพสหรัฐฯ สามารถส่งทหารไปประจำการในไนจีเรีย หรือดำเนินการโจมตีทางอากาศเพื่อหยุดยั้งสิ่งที่เขาเรียกว่าการสังหารชาวคริสต์จำนวนมากได้ทันที แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม โดยทรัมป์กล่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันว่า "ผมมองเห็นหลายสิ่งหลายอย่าง" (ที่เกิดขึ้นในไนจีเรีย) แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงแผนการปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรง

แม้ว่าก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์จะเรียกไนจีเรียว่าเป็น "ประเทศที่เสื่อมเสียชื่อเสียง" ที่ทำให้ยิ่งทวีความตึงเครียดระหว่างสองประเทศก็ตาม แต่บวาลาพยายามลดความตึงเครียดดังกล่าว โดยกล่าวว่า "เราไม่ถือเป็นเรื่องจริงจัง เพราะเรารู้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ คิดดีต่อไนจีเรีย" พร้อมกล่าวเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้ามามีส่วนร่วมในการปราบปรามความรุนแรง ระบุว่า  "ผมมั่นใจว่าเมื่อผู้นำทั้งสองได้พบปะและนั่งลง จะมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในการแก้ไขปัญหาร่วมกันของเราเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย" เขากล่าว

ไม่ใช่แค่ชาวคริสต์ แต่มุสลิมผู้เห็นต่างก็โดนด้วย

ไนจีเรีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากกว่า 200 ล้านคน และมีกลุ่มชาติพันธุ์ประมาณ 200 กลุ่ม แบ่งออกเป็นทางเหนือที่เป็นมุสลิมส่วนใหญ่ และทางใต้ที่เป็นคริสเตียนส่วนใหญ่ กลุ่มติดอาวุธอิสลาม เช่น โบโกฮาราม และรัฐอิสลามจังหวัดแอฟริกาตะวันตก ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงในประเทศมานานกว่า 15 ปี คร่าชีวิตผู้คนหลายพันคน 

แม้โดนัลด์ ทรัมป์จะใช้ข้ออ้างในการส่งกองกำลังปราบปรามมายังไนจีเรียว่าเพื่อเป็นการปกป้องชาวคริสต์ที่ถูกไล่ล่า แต่ในการโจมตีส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม แน่นอนว่าชาวคริสต์ที่ปฏิเสธจะเปลี่ยนแปลงความเชื่อของตนตกเป็นเหยื่อในการไล่ล่าสังหาร แต่ชาวมุสลิมที่มีแนวคิดต่างออกไปกลับเป็นกลุ่มที่โดนสังหารเป็นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ

ขณะที่ในภาคกลางของไนจีเรีย มีการปะทะกันบ่อยครั้งระหว่างคนเลี้ยงสัตว์ที่เป็นมุสลิมส่วนใหญ่กับเกษตรกรที่เป็นคริสเตียนเป็นหลักเพื่อแย่งชิงการเข้าถึงน้ำและทุ่งหญ้า ขณะที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ กลุ่มมือปืนโจมตีหมู่บ้านเป็นประจำ และมีรายงานการลักพาตัวชาวบ้านเพื่อเรียกค่าไถ่อย่างไม่เลือกศาสนาและความเชื่อ การโจมตีที่กินเวลายาวนานจึงมีความซับซ้อนมากกว่าความขัดแย้งทางศาสนา แต่เป็นเรื่องของการแบ่งทรัพยากรที่ไม่ลงตัว และความล้มเหลวของรัฐบาลในการป้องกันปัญหาดังกล่าว

จุดเริ่มต้นสู่ความรุนแรงที่ไม่จบสิ้น

จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่รุนแรงเมื่อ 15 ปีที่แล้ว (ประมาณปี 2009) มาจากความไม่สงบที่นำโดย กลุ่มติดอาวุธโบโกฮาราม (Boko Haram) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวคิดสุดโต่งทางศาสนาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย ซึ่งเดิมที โบโกฮาราม ก่อตั้งในปี 2002 โดยมีผู้นำชื่อ โมฮัมเหม็ด ยูซุฟ และมีจุดมุ่งหมายเพื่อต่อต้าน "การศึกษาตะวันตก" และการฉ้อราษฎร์บังหลวงของรัฐบาล โดยเน้นไปที่การเทศนาและการเผยแพร่ศาสนา

ในปี 2009 สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นอย่างมาก นำไปสู่การที่กลุ่มโบโกฮาราม เริ่มก่อกบฏติดอาวุธ ต่อต้านรัฐบาล โดยมีการ บุกยึดสถานีตำรวจ ฆ่าเจ้าหน้าที่ และขโมยอาวุธ รัฐบาลไนจีเรียตอบโต้ด้วยปฏิบัติการทางทหารและตำรวจอย่างรุนแรง โมฮัมเหม็ด ยูซุฟ ผู้นำกลุ่มถูกจับกุมและเสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัว อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของผู้นำยูซุฟไม่ได้ทำให้กลุ่มล่มสลาย แต่กลับกลายเป็นการ จุดประกายให้ความรุนแรงทวีคูณ

อะบูบาคาร์ เชเคา (Abubakar Shekau) ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ในปี 2010 และประกาศจุดยืนที่แข็งกร้าวขึ้นมาก โดยมุ่งเป้าไปที่การโค่นล้มรัฐบาล และขยายการโจมตีไปสู่เป้าหมายที่หลากหลายและโหดเหี้ยมมากขึ้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความเสียหายร้ายแรงที่ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ โบโกฮาราม (Boko Haram) มาจากภาษาฮัวซา (Hausa) ซึ่งแปลว่า "การศึกษาตะวันตกเป็นสิ่งต้องห้าม" เพราะ เชื่อว่าการศึกษา วัฒนธรรม และวิถีชีวิตแบบตะวันตก (เช่น การเลือกตั้งประชาธิปไตย การใส่เสื้อผ้าแบบตะวันตก และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง) ล้วนเป็นสิ่งต้องห้ามและเป็นบาป เป้าหมายหลักของพวกเขาในปัจจุบันคือ การก่อตั้ง รัฐอิสลาม ที่ปกครองด้วยกฎหมายชารีอะฮ์อย่างเคร่งครัดในพื้นที่ของไนจีเรีย


แชร์
เกิดอะไรขึ้นในไนจีเรีย? ทรัมป์ต้องส่งกองทัพไปช่วยชาวคริสต์ที่ถูกไล่ล่า