รัสเซีย-ยูเครนโจมตีโครงสร้างพลังงาน รัสเซียทดลองขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก
การโจมตีระหว่างยูเครนและรัสเซียยังคงดำเนินต่อเนื่อง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2568 กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่า ระบบป้องกันทางอากาศของตนได้ยิงโดรนจำนวน 631 ตก ระเบิดนำวิถี 4 ลูก และระบบจรวดปืนใหญ่คล่องตัวสูง HIMARS จากสหรัฐฯ หลายลำ ในชั่วข้ามคืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งทำลายโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน-ขนส่ง
ด้านเจ้าหน้าที่กองกำลังติดอาวุธยูเครนรายงานว่า สามารถยิงขีปนาวุธตก 1 ลูก และโดรนประเภทต่าง ๆ อีก 164 ลูก
เจ้าหน้าที่จากทั้ง 2 ชาติรายงานตรงกันว่า เป้าหมายของโดรนยูเครนคือ โรงกลั่นน้ำมันคิรี ในเขตเลนินกราดทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย หนึ่งในโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดในรัสเซีย ประเทศที่ส่งออกน้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก
“มีการบันทึกภาพระเบิดและไฟไหม้ที่โรงกลั่นน้ำมันเอาไว้” ยูเครนกล่าว และเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่า “การโจมตีที่ประสบความสำเร็จ” อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้น
ด้านรัสเซียชี้แจงต่างออกไป อเล็กซานเดอร์ โดรซเดนโก ผู้ว่าเขตเลนินกราดกล่าวว่า ประกายไฟที่เห็นนั้นเกิดจากเศษซากของโดรน 3 ลำที่ถูกรัสเซียทำลายต่างหาก และไม่เกิดความเสียหายใด ๆ ต่อโรงกลั่นน้ำมัน
แม้จะมีการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในเลนินกราด แต่ราดี คาห์บิรอฟ ผู้ว่าการเขตเขตบัชคอร์โตสถานยืนยันว่า บริษัทน้ำมันที่ดำเนินการอยู่ในเขตบัชคอร์โตสถานจะผลิตน้ำมันต่อไป
โดรซเดนโกเปิดเผยว่า เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รถไฟสองขบวนในรัสเซียเกิดอุบัติเหตุตกราง เป็นเหตุให้คนขับรถไฟเสียชีวิต และเกิดการจราจรติดขั้นในขบวนทางรถไฟ
เหตุรถไฟตกรางเกิดขึ้น หลังเเมื่อวันเสาร์ที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา มีวัตถุระเบิดถูกติดตั้งไว้บริเวณรางรถไฟอีกแห่งในเขตโอริออล ทำให้เกิดเหตุระเบิดและเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันชาติรัสเซีย 3 นายเสียชีวิต
รัสเซียและยูเครนมุ่งเป้าทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและการขนส่งของอีกฝ่ายตั้งแต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาพร้อมจะคว่ำบาตรรัสเซียแล้ว ตราบใดที่พันธมิตรนาโต พร้อมใจที่จะหยุดการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย และคว่ำบาตรด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยูเครนไม่ได้ออกมากล่าวอ้างว่า เป็นผู้ปฏิบัติการอุบัติเหตุบนรางรถไฟเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน กองทัพยูเครนกล่าวเพียงว่า จะพุ่งเป้าทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่รัสเซียใช้ “ขนส่งทหาร เชื้อเพลิง และกระสุน” ไปที่แนวหน้า
อันดรี ฮนาตอฟ ผู้บัญชาการเสนาธิการทั่วไปของยูเครนกล่าวกับสื่อยูเครน Novyvy Live ว่า ยูเครนอาจจะลดคุณภาพสัญญาณอินเทอร์เน็ตสำหรับโทรทัศพ์มือถือ 4G และ 5G ในบางพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้โดรนของรัสเซียสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและส่งภาพระหว่างโจมตีได้
รัสเซียทดสอบไฮเปอร์โซนิก
อีกทางหนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2568 รัสเซียได้ขยายการโจมตีภาคพื้นดินทางตะวันออกของยูเครน และยิงขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง “ซิรกอน” พุ่งเป้าทะเลแบเร็นตส์ กล่าวว่าเป็นหนึ่งในการซ้อมรบร่วมกับเบลารุส
กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า การซ้อมรบ “ซาปัด” ที่แปลว่า “ตะวันตก” ระหว่างกองทัพรัสเซียและเบลารุส จะมีเครื่องบินต่อต้านเรือดำน้ำระยะไกลของกองเรือเหนือ และเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด Su-34 ได้ฝึกโจมตีทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายภาคพื้นดินด้วย
รัสเซียมีขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่พัฒนาแล้ว 4 ชนิดคือ 3M22 Zircon, Avangard, Kh-47M2 Kinzhal และ Vympel R-37M และอีก 3 ชนิดที่กำลังพัฒนาคือ Kh-95, Zmeevik anti-ship และ Gremlin
ตามการรายงานของ BBC รัสเซียเป็นชาติที่มีขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก หรือขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในโลก รองจากจีนที่มีขีปนาวุธพัฒนาแล้วถึง 6 ชนิด
วิลเลียม เฟรียร์ นักวิชาการด้านความมั่นคงแห่งชาติ ประจำสภาว่าด้วยคลังสมองด้านภูมิยุทธศาสตร์ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า เป็นเพราะจีนและรัสเซียลงทุนมหาศาลไปกับโครการขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก ส่วนประเทศตะวันตกยังตามหลังเนื่องจากทุ่มงบประมาณด้านกลาโหมไปกับการป้องกันการก่อการร้ายในต่างประเทศ สหรัฐฯ จึงกำลังเร่งพัฒนาอาวุธไฮเปอร์โซนิก ในขณะที่สหราชอาณาจักรยังไม่มีอาวุธชนิดนี้เลย
ในขณะเดียวกัน มีโดรนรุกล้ำน่านฟ้าของโรมาเนียระหว่างการโจมตีด้วยโดรนของรัสเซีย ที่โจมตีโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน โรมาเนียได้ส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นสกัด แต่ไม่สามารถยิงสกัดวัตถุที่บินต่ำได้ก่อนที่จะออกจากน่านฟ้าไปทางยูเครน
ฝั่งโปแลนด์ได้ยกเลิกการบินและปิดสนามบินในเมืองลับบลินทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศระหว่างที่รัสเซียโจมตียูเครน เหตุการณ์เกิดขึ้น 3 วันหลังโปแลนด์ยิงโดรนหลายลำของรัสเซียที่ล้ำเข้ามาในน่านฟ้าประเทศ โดยได้การสนับสนุนเครื่องบินจากพันธมิตรนาโต
และเนื่องจากรัสเซียรุกล้ำน่านฟ้าของโปแลนด์ นาโตได้ประกาศแนวทางใหม่ในการสนับสนุนความมั่นคงของประเทศสมาชิกยุโรปตะวันออก
“นาโตกำลังเปิดปฏิบัติการ Eastern Sentry เพื่อเสริมความพร้อมของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นตามแนวปีกด้านตะวันออก [...] ปฏิบัติการทางทหารจะเริ่มต้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมการมีส่วนร่วมด้านทรัพยากรจากพันธมิตรหลายฝ่าย ทั้งเดนมาร์ก ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และเยอรมนี” มาร์ก รุตเทอ เลขาธิการนาโตกล่าวที่กรุงบรัสเซลส์ ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับแม่ทัพสูงสุดของนาโตในยุโรป พลเอกอเล็กซัส กรินควิช แห่งสหรัฐฯ
ที่มา: AlJazeera, BBC, World Population Review
