“เซบาสเตียน เลอคอร์นู” นายกฯ ฝรั่งเศสคนใหม่ จะแก้เกมให้มาครงได้ไหม?
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ได้แต่งตั้งเซบาสเตียน เลอคอร์นู พันธมิตรใกล้ชิดของเขา ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของฝรั่งเศส เพียง 24 ชั่วโมงหลังจากที่มีการลงมติให้นายฟรองซัวส์ บายรูว์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนล่าสุด พ้นจากตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาล ราวกับมาครงทราบดีว่าบายรูว์อาจไม่ได้ไปต่อ และได้วางตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไว้ล่วงหน้าแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เช่นเดียวกับประชาชนชาวฝรั่งเศสที่คาดว่านายบายรูว์อาจต้องพ้นจากตำแหน่ง ด้วยพรรคการเมืองเรอแนซ็องส์ (Renaissance) ของมาครงถือเสียงข้างน้อยในสภามาตั้งแต่ปี 2024 ดังนั้น เลคอร์นู วัย 39 ปี จึงเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่หลายฝ่ายเชื่อว่าจะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส
ความภักดีต่อมาครง กลายเป็นเสียงประณาม
การแต่งตั้งเลอคอร์นูได้รับการยอมรับจากพันธมิตรสายกลาง เช่น มาร์ก เฟสเนอ จากพรรคโมเดมของบาเยรู โดยเขาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทางการเมืองประนีประนอมกัน เพื่อความมั่นคงของประเทศและการฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านงบประมาณ ขณะที่เอดัวร์ ฟิลิปป์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของมาครงในช่วงปี 2017 คิดว่า เลอคอร์นูเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากเขาได้เรียนรู้มากมายในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม
แต่เป็นที่รู้กันดีว่า เขาเป็นพันธมิตรคนสนิทที่จงรักภักดีต่อประธานาธิบดีมาครงอย่างมาก และการแต่งตั้งเขาให้ดำรงตำแหน่งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของมาครงที่จะยังคงดำเนินนโยบายตามวาระของตนเองต่อไป แม้จะเผชิญกับรัฐสภาที่เสียงแตก
ฝ่ายค้านทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาสุดโต่งจึงออกมาประณามการแต่งตั้งในครั้งนี้ ที่มองว่านี่ไม่ใช่ความพยายามที่จะสร้างความประนีประนอมทางการเมือง แต่เป็นการสานต่อวาระของมาครงที่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย
นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่ารัฐบาลชุดใหม่นี้อาจจะยังคงใช้มาตรา 49.3 เป็นเครื่องมือในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ เป็นการสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยของมาครง โดยไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภา ซึ่งเป็นวิธีที่ฝ่ายค้านมองว่าเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย และประเด็นนี้ถูกหยิบยกมาเป็นหัวข้ออภิปรายไม่ไว้วางใจ จนทำให้นายกรัฐมนตรีคนก่อนต้องหลุดจากตำแหน่งไปตาม ๆ กัน และเลอคอร์นูนับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 แล้ว ในสมัยที่ประธานาธิบดีมาครงครองตำแหน่งในสมัยที่ 2
เหมาะสมกับตำแหน่งนายกฯ หรือไม่?
เลอคอร์นูเริ่มต้นเส้นทางการเมืองกับพรรคการเมืองฝ่ายขวาแบบดั้งเดิมของอดีตประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์กอซี (Nicolas Sarkozy) ในปี 2014 เขาได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองแวร์นง (Vernon) และต่อมาในปี 2015 ได้เป็นประธานสภาเขตเออร์ (Eure) ซึ่งทำให้เขากลายเป็นประธานสภาเขตที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส
ในปี 2017 เลอคอร์นูได้เปลี่ยนมาเข้าร่วมกับพรรคอ็องมาร์ช! (En Marche!) ของประธานาธิบดีมาครง และได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเปลี่ยนผ่านทางนิเวศวิทยา ที่รับผิดชอบในการกำหนดและดำเนินนโยบายของรัฐบาลในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และความหลากหลายทางชีวภาพ
เขาดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในรัฐบาลของมาครง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโพ้นทะเล (Overseas France) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (Armed Forces) ซึ่งจากสถานการณ์ความขัดแย้งในเวทีโลกที่เกิดขึ้น การทำงานของเขาจึงเน้นหนักไปที่การตอบสนองของฝรั่งเศสต่อสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
แม้เลอคอร์นูจะมีประสบการณ์ในตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ฝ่ายค้านบางส่วนยังคงตั้งคำถามถึงความสามารถในการเป็นผู้นำรัฐบาลที่ต้องเผชิญกับวิกฤตความแตกแยกทางการเมืองอย่างหนัก
ภารกิจเร่งด่วนของนายกฯ ใหม่
เลอคอร์นูเขียนบนโซเชียลมีเดียว่า เขาได้รับความไว้วางใจจากประธานาธิบดีมาครงให้ "จัดตั้งรัฐบาลที่มีทิศทางชัดเจน ปกป้องอิสรภาพและความแข็งแกร่งของฝรั่งเศส รับใช้ประชาชนชาวฝรั่งเศส และ สร้างเสถียรภาพทางการเมืองเพื่อความสามัคคีของคนในประเทศ"
ภารกิจเร่งด่วนของเขาคือการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะของฝรั่งเศสที่พุ่งสูงขึ้น ถึง 3.3 ล้านล้านยูโร (2.8 ล้านล้านปอนด์) ในช่วงต้นปีนี้ และคิดเป็น 114% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจหรือ GDP ของประเทศ
อดีตนายกรัฐมนตรีบายรูว์เคยเสนอตัดงบประมาณ 4.4 หมื่นล้านยูโร และการตัดสินใจของเขานำมาซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจจนทำให้เขาต้องพ้นจากตำแหน่ง เมื่อรัฐสภาฝรั่งเศสก็ตัดสินใจขับไล่รัฐบาลของเขาออกไปด้วยคะแนนเสียง 364 ต่อ 194 เสียง นับเป็นความท้าทายให้ “เซบาสเตียน เลอคอร์นู”
นายกฯ คนใหม่ฝรั่งเศส จะแก้เกมเศรษฐกิจของประเทศได้หรือไม้ และจะพลิกให้มาครงแข็งแกร่งขึ้นบนรัฐบาลเสียงข้างน้อยต่อไปได้หรือไม่?
