ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวานนี้ (3 กันยายน) ว่า เขาจะหารือกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนในเร็ว ๆ นี้ และหลังจากนั้น ทำเนียบขาวก็ระบุว่า ทรัมป์มีกำหนดการหารือทางโทรศัพท์กับเซเลนสกีในวันนี้ แต่ยังไม่มีกำหนดการโทรศัพท์หารือกับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซียแต่อย่างใดในเวลานี้
ผู้สื่อข่าวยังถามว่า ทรัมป์มีข้อความอะไรจะส่งให้ประธานาธิบดีปูตินหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า เขาไม่มีข้อความถึงประธานาธิบดีปูติน และปูตินทราบถึงจุดยืนของตัวเขาเอง ปูตินจำเป็นต้องตัดสินใจทางใดทางหนึ่ง และไม่ว่าปูตินจะตัดสินใจอย่างไร มีความสุขกับมันหรือไม่ หากว่าสหรัฐฯ ไม่มีความสุขด้วยแล้ว ก็จะได้เห็นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น
การให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวมีขึ้น หลังทรัมป์เข้าหารือกับประธานาธิบดีของโปแลนด์ ซึ่งถือเป็นพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ และเป็นเพื่อนบ้านของยูเครนด้วย และยังเกิดขึ้นในวันที่ปูตินเดินทางไปปรากฏตัวเคียงข้างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ รวมถึงผู้นำโลกคนอื่น ๆ ในงานพาเหรดเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะของจีน ซึ่งทรัมป์ยอมรับว่า เขาก็ติดตามดูงานดังกล่าวด้วยเช่นกัน
ผ่านมาแล้วราว 2 สัปดาห์ หลังจากทรัมป์เปิดการประชุมสุดยอดผู้นำร่วมกับปูตินที่อะแลสกา และหลังจากนั้น เซเลนสกีกับผู้นำยุโรปคนอื่น ๆ ก็เดินทางเยือนทำเนียบขาว แต่ดูเหมือนว่า ความเป็นไปได้ที่การประชุมสุดยอดผู้นำปูติน - เซเลนสกีจะเกิดขึ้นนั้นต่ำเหลือเกิน ขณะที่ทรัมป์พยายายามผลักดันให้เกิดขึ้น
ทรัมป์เองก็ดูหงุดหงิดไม่น้อยในการสัมภาษณ์สื่อวานนี้ เมื่อถูกถามว่า เขาขาดการเคลื่อนไหวกดดันรัสเซียหรือไม่ โดยเขากล่าวเหมือนตำหนินักข่าว และบอกใบ้ถึงแผนการในอนาคตว่าอาจจะมีการกดดันรัสเซียเพิ่มเติมอีก
ด้านประธานาธิบดีปูตินเปิดเผยระหว่างอยู่ในจีนว่า รัสเซียปรารถนาที่จะสู้รบจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย หากว่ายูเครนไม่ยอมเจรจราข้อตกลงหยุดยิงภายใต้เงื่อนไขที่รัสเซียต้องการ
ปูตินยังบอกอีกด้วยว่า เขาไม่เคยตัดความเป็นไปได้ที่จะจัดการประชุมเพื่อยุติสงคราม แต่มันมีประโยชน์อะไรหรือเปล่า ก็ต้องมารอดูกัน
ผู้สื่อข่าวสื่อของทางการรัสเซียตั้งคำถามต่อปูตินระหว่างเยือนกรุงปักกิ่งอีกว่า สงครามยูเครนจะยุติลงเร็ว ๆ นี้หรือไม่ ปูตินตอบว่า ยังมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่ และสำหรับเขาแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นชอบวิธีแก้ปัญหาที่สามารถยอมรับได้ เพื่อยุติความขัดแย้งดังกล่าว แต่ถ้าหากไม่ รัสเซียก็จะต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางทหารของตนเอง
ประธานาธิบดีปูตินยังย้ำว่า รัสเซียจะไม่ยอมสละภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครนที่กองทัพรัสเซียยึดครองไว้ พร้อมทวงข้อเรียกร้องเดิมต่อยูเครนว่าไม่ให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต และหยุดสิ่งที่เขาเรียกว่า เป็นการเลือกปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยชาวรัสเซีย ซึ่งถูกยกมาเป็นข้ออ้างหนึ่งในการรุกรานยูเครน
ปูตินยังส่งสัญญาณว่า ข้อเสนอหลักประกันด้านความมั่นคงจากชาติตะวันตก ที่จะเกิดขึ้นตามหลังข้อตกลงสันติภาพ จะไม่ครอบคลุมพื้นที่ดอนบาส เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ได้ “เลือก” เข้าร่วมกับรัสเซียแล้ว อ้างอิงจากการลงประชามติที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางหลังการผนวกดินแดน
นอกจากนี้ ในระหว่างการเยือนปักกิ่ง ปูตินยังได้เข้าพบปะหารือกับคิม จองอึนด้วย โดยคิมก็ย้ำว่า เกาหลีเหนือจะสนับสนุนกองทัพรัสเซียอย่างเต็มที่ โดยถือว่าเป็นหน้าที่ของพี่น้อง
ด้านสื่อทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า ปูตินได้ขอบคุณคิมที่ส่งทหารมาช่วยรัสเซียในสงครามยูเครน พร้อมระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือเป็นความสัมพันธ์พิเศษที่ตั้งอยู่บนความไว้วางใจ มิตรภาพ และพันธมิตร
ที่มา CNN, BBC