สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า รัสเซียและยูเครนได้แลกเปลี่ยนนักโทษสงครามจำนวน 146 คนจากแต่ละฝ่ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 สิงหาคม) หลังจากมีการไกล่เกลี่ยโดยมีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นคนกลาง
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียเปิดเผยว่า นักโทษชาวรัสเซียที่ได้รับการปล่อยตัวอยู่ในเบลารุสแล้ว เพื่อเข้ารับการตรวจร่างกายและพบแพทย์
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน ระบุบนโซเชียลมีเดียว่า การแลกเปลี่ยนตัวนักโทษเกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่ได้มีการระบุถึงจำนวนแน่ชัด อย่างไรก็ตาม เขาโพสต์รูปภาพของนักโทษที่มีรอยยิ้ม และระบุว่า ส่วนใหญ่ถูกจับไว้ตั้งแต่ปี 2022 เมื่อตอนที่รัสเซียเริ่มเปิดฉากบุกยูเครน
เซเลนสกียังขอบคุณสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สำหรับการเป็นตัวกลาง และชี้ว่า การแลกเปลี่ยนนักโทษยังคงเกิดขึ้น บางทีอาจจะเป็นไปได้เพราะทหารของยูเครนสามารถจับเชลยศึกรัสเซียได้เพิ่มขึ้น
ขณะที่กองทัพยูเครนออกแถลงการณ์ยืนยันว่า มีการแลกเปลี่ยนเชลยศึกทั้งหมดฝ่ายละ 146 คน
ด้านวลาดิเมียร์ เมดินสกี ผู้แทนฝ่ายรัสเซียซึ่งเคยเป็นหัวหน้าคณะเจรจาสามรอบในตุรกีตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ระบุว่า ยูเครนดำเนินการล่าช้าในการส่งตัวพลเรือนกลับภูมิภาคคุร์สก์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองกำลังยูเครนเคยบุกโจมตีครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว โดยเขากล่าวว่ามีชาวบ้านกว่า 20 คนยังคงรอที่จะได้กลับบ้าน และรัสเซียกำลังต่อรองอย่างเจ็บปวดเพื่อให้พลเรือนได้กลับคืน
ขณะที่ความคืบหน้าการเจรจาเพื่อยุติสงครามยูเครน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ พยายามเป็นตัวกลางเพื่อจัดการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างปูตินและเซเลนสกี แต่ทรัมป์ก็ยอมรับว่า มีความยาก เพราะทั้งสองเข้ากันไม่ได้เลย ราวกับเป็นน้ำมันกับน้ำส้มสายชู
อย่างไรก็ตาม มีรายงานระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน พร้อมจะยุติสงคราม หากได้รับสิทธิ์ควบคุมภูมิภาคโดเนตสค์อย่างเบ็ดเสร็จเป็นการตอบแทน
ภูมิภาคดังกล่าว ตั้งอยู่ทางตะวันออกของยูเครน เป็นพื้นที่ที่รัฐบาลเพ่งเล็งมานานแล้ว และล่าสุด ขณะนี้ รัสเซียเข้ายึดครองพื้นที่ราว 70% ของโดเนตสค์ และเกือบทั้งหมดของแคว้นลูฮันสก์ที่อยู่ติดกัน อีกทั้งยังค่อย ๆ พยายามรุกคืบยึดพื้นที่ต่าง ๆ อย่างช้า ๆ แต่เดินหน้าต่อเนื่อง
แต่ทางยูเครนก็ยืนยันมาโดยตลอดว่า พวกเขาไม่ต้องการเสียดินแดน ในเงื่อนไขเพื่อยุติสงคราม ขณะเดียวกัน ยูเครนต้องการหลักประกันความมั่นคงเพื่อรับรองว่า รัสเซียจะไม่บุกยูเครนอีกในอนาคต