โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้พบกันในการประชุมสุดยอดที่อะแลสกาเมื่อวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 68 ที่ผ่านมา การประชุมนี้เต็มไปด้วยพิธีการและความยิ่งใหญ่ แต่นักวิเคราะห์และสื่อมวลชนมองว่า กลับไม่ได้ให้ผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม และไม่มีความคืบหน้าเรื่องเจรจาตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียกับยูเครนตามที่หลายฝ่ายหวังไว้
แต่อย่างน้อยก็มีการนัดประชุมด่วน โดยเชิญให้ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี และผู้นำยุโรปคนสำคัญมาหารือร่วมกันที่ทำเนียบขาว ณ กรุวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 สิงหาคม 68) แม้ความคืบหน้าด้านสันติภาพจะไม่ค่อยเดินหน้าเท่าไหร่นักจากการประชุมครั้งยิ่งใหญ่ แต่ทรัมป์ได้สร้างเสียงฮือฮา โดยประกาศว่าจะมีการนัดเจราระหว่างคู่ขัดแย้งอย่างปูตินและเซเลนสกีในเร็ว ๆ นี้ แม้ว่าสถานที่และรายละเอียดจะยังไม่ชัดเจนนัก
การประชุมเมื่อวานระหว่างทรัมป์และเซเลนสกี รวมถึงการรวมตัวของผู้นำยุโรปในวงกว้าง เป็นไปในบรรยากาศที่เป็นมิตรและให้ความร่วมมือ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่าสังเกตอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการเยือนทำเนียบขาวของเซเลนสกีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่เป็นไปอย่างเผ็ดร้อน และความสัมพันธ์ที่บางครั้งก็ขัดแย้งกันระหว่างทรัมป์กับบรรดาผู้นำยุโรป
ทรัมป์ดูเหมือนจะเพลิดเพลินกับการเป็นเจ้าบ้านที่น่ารัก ทั้งที่อะแลสกาและที่ทำเนียบขาว และความคิดเห็นของเขาก็บ่งชี้ว่าเขาถือว่าการยุติสงครามในยูเครนเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างชื่อเสียงของเขาให้เป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่า "ถ้าผมได้ขึ้นสวรรค์ นี่จะเป็นหนึ่งในเหตุผล"
แต่เส้นทางสู่สวรรค์นั้น ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและยังมีอุปสรรคมากมายในการยุติสงครามในยูเครน ที่สำคัญที่สุดคือยังไม่ชัดเจนว่าปูตินต้องการให้สงครามยุติหรือไม่ ในเมื่อเขากำลังมีความก้าวหน้าในสนามรบอย่างค่อยเป็นค่อยไป
บทวิเคราะห์ของ CNN ระบุว่า แม้จะไม่มีข้อตกลงสำคัญในการประชุมที่อะแลสกา แต่ก็นับว่าปูตินได้รับชัยชนะสองประการ คือ เป็นสัญลักษณ์ว่ารัสเซียได้รับการยอมรับทางการทูตจากสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯ ยอมที่จะเจรจากับเขา และอีกประการยังสามารถซื้อเวลาได้สำเร็จ เพื่อให้กองกำลังของเขามีเวลามากขึ้นในการรุกคืบในสนามรบ
รายงานล่าสุดระบุว่า กองกำลังรัสเซียยังคงเดินหน้าโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคตะวันออกของยูเครนซึ่งรัสเซียพยายามยึดครอง กองทัพรัสเซียสามารถเจาะแนวป้องกันของยูเครนในภูมิภาคดอนบาส และกำลังรุกคืบเข้าสู่เมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างโปครอฟส
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ารัสเซียสามารถเข้าควบคุมเมืองสำคัญอื่นๆ ได้แล้ว นับเป็นชัยชนะที่เกิดขึ้นหลังจากสู้รบมานานหลายเดือน ความสำเร็จนี้ทำให้ปูตินมีไพ่เหนือกว่าบนโต๊ะเจรจา และไม่มีแรงจูงใจที่จะหยุดยั้งการรุกคืบในขณะที่เขากำลังได้เปรียบ
ขณะเดียวกัน ยูเครนกำลังขาดแคลนทรัพยากรอย่างหนัก แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมากในด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ และในการประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาวเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ดูเหมือนจะให้การรับประกันความมั่นคงแก่ยูเครน หากมีการบรรลุข้อตกลง แต่วันถัดมา ทรัมป์กลับเปลี่ยนท่าทีโดยระบุว่าการให้คำมั่นของสหรัฐฯ อาจเป็นเพียง "การสนับสนุนทางอากาศ" แทนที่จะเป็นการส่งทหารอเมริกันเข้าไปในยูเครน และยุโรปจะต้องรับภาระส่วนใหญ่