ผู้ค้ายาเสพติดชาวเม็กซิกัน อิสมาเอล ‘เอล มาโย’ แซมบาดา อดีตหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ ‘ซินาโลอา’ ได้สารภาพผิดในศาลเมื่อวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ต่อข้อหาค้ายาเสพติดในสหรัฐอเมริกา โดยเขากล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ได้ช่วยให้โคเคนและยาเสพติดผิดกฎหมายอื่นๆ แพร่ระบาดไปทั่วอเมริกา
เอล มาโย กล่าวในศาลเป็นภาษาสเปนว่า “ผมยอมรับว่ายาเสพติดผิดกฎหมายได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อผู้คนในสหรัฐฯ และเม็กซิโก” และทิ้งท้ายว่า “ผมขออภัยสำหรับทุกสิ่ง และผมขอรับผิดชอบต่อการกระทำของผม”
อัยการสหรัฐฯกล่าวว่า แก๊งค้ายาซินาโลอา มีสองผู้นำที่ร่วมมือกันคือ อิสมาเอล ‘เอล มาโย’ แซมบาดา และโจอาควิน “เอล ชาโป” กุซมัน ซึ่งพยายามขยายอิทธิพลของแก๊งจากกลุ่มอาชญากรระดับภูมิภาคไปเป็นองค์กรค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม กุซมันถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตหลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดในศาลรัฐบาลกลางบรูคลินเมื่อปี 2019 รวมถึงลูกชายทั้งสองคนของเขาที่เป็นทายาทรับไม้ต่อค้ายาเสพติดเช่นกัน
ในการสารภาพผิดครั้งนี้ เอล มาโยได้รับสารภาพหมดเปลือกเกี่ยวกับการที่แก๊งของเขาได้ลักลอบยาเสพติดเข้ามายังสหรัฐฯ โดยสร้างเครือข่ายกับแก๊งผลิตโคเคนในประเทศโคลอมเบีย และลักลอบโคเคนมายังเม็กซิโกทางเรือและเครื่องบิน รวมถึงการลักลอบนำยาเสพติดข้ามพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกด้วย เขายอมรับว่า คนที่ทำงานให้เขาได้จ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้บัญชาการทหารของเม็กซิกัน “เพื่อให้พวกเขาสามารถดำเนินการได้อย่างอิสระ” ตั้งแต่ตอนที่แก๊งนี้เพิ่งเริ่มก่อตั้ง
เอล มาโย ชายชาวเม็กซิกันวัย 77 ปีผู้นี้ ยอมรับสารภาพผิดในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการก่ออาชญากรรม (racketeering conspiracy) และข้อหาดำเนินกิจการอาชญากรรมอย่างต่อเนื่อง (continuing criminal enterprise) คาดว่า จะถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในวันที่ 13 มกราคม เนื่องจากเขาได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐบาลกลางบรูคลิน และในสองสัปดาห์ต่อมา ศาลประกาศว่าจะไม่ลงโทษประหารชีวิตเขา
เมื่อปีที่แล้ว เอล มาโยเคยให้การปฏิเสธในข้อหาค้ายาเสพติดและข้อหาที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ รวมถึงความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและการฟอกเงิน อัยการระบุว่า เขาเป็นประธานของแก๊งค้ายาที่มีความรุนแรงและมีการจัดกำลังป้องกันความปลอดภับระดับสูง โดยมีกองกำลังรักษาความปลอดภัยส่วนตัวที่ติดอาวุธร้ายแรงและมีหรือมือสังหาร ที่ทำการลอบสังหาร ลักพาตัว และทรมานเหยื่อ
แก๊งซินาโลอาเป็นกลุ่มอาชญากรที่เก่าแก่ที่สุดของเม็กซิโก ซึ่งเชื่อกันว่า เครือข่ายนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี1970 เป็นกลุ่มที่มีอำนาจในการค้ายาเสพติดอย่างมากและก่ออาชญากรรมหลายรูปแบบ ซึ่งอดีตรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีของเม็กซิโก ถูกตัดสินว่า มีความผิดจากการรับสินบนเพื่อช่วยเหลือแก๊งนี้
เอล มาโย ถูกมองว่าเป็นนักเจรจาที่ดี และเป็นนักวางกลยุทธ์อันเฉียบแหลม จึงเป็นผู้ที่ทำข้อตกลงของแก๊งซินาโลอากับเครือข่ายอื่น ๆ รวมถึงการติดสินบนนักการเมืองและทหารด้วย ซึ่งน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในแต่ละวันมากกว่ากุซมันที่มีบุคลิกฉูดฉาด อย่างไรก็ตาม อัยการกล่าวว่า เอล มาโยก็พัวพันกับความรุนแรงของแก๊งด้วยเช่นกัน โดยครั้งหนึ่งเคยสั่งสังหารหลานชายของตัวเอง
เจ้าหน้าที่สืบสวนของสหรัฐฯ ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของเอล มาโยมานานกว่าสองทศวรรษ แต่เขาไม่เคยถูกจับกุมในประเทศใด ๆ เลย จนกระทั่งถูกควบคุมตัวในรัฐเท็กซัสเมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ ด้วยเครื่องบินส่วนตัวพร้อมกับลูกชายคนหนึ่งของกุซมันคือ โจอาควิน กุซมัน โลเปซ ซึ่งลูกชายของกุซมันได้ปฏิเสธความผิดในข้อหาค้ายาเสพติดของรัฐบาลกลาง ในเมืองชิคาโก ส่วนพี่ชายของเขาคือ โอวิดิโอ กุซมัน โลเปซ ได้ยอมรับสารภาพผิดเมื่อเดือนที่แล้ว
เอล มาโย กล่าวว่า เขาถูกลักพาตัวในเม็กซิโกและถูกพามายังสหรัฐฯ โดยไม่เต็มใจ เขามักจะมีความขัดแย้งกับลูกชายของกุซมัน ซึ่งถูกเรียกว่า Chapitos ซึ่งแปลว่า “ชาโปน้อย” การจับกุมเอล มาโยได้จุดชนวนให้เกิด การต่อสู้ที่ถึงแก่ชีวิตในเม็กซิโก ระหว่างกลุ่มย่อยของแก๊งซินาโลอาที่เป็นคู่แข่งกัน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้ภักดีต่อเขากับผู้สนับสนุนลูกชายของกุซมัน