Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ยอมถอยที่ชายแดน แก้แค้นบนศาลโลก! ส่องสื่อกัมพูชาเดินหน้าสู้เพื่อช่องบก
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ยอมถอยที่ชายแดน แก้แค้นบนศาลโลก! ส่องสื่อกัมพูชาเดินหน้าสู้เพื่อช่องบก

9 มิ.ย. 68
17:09 น.
แชร์

แม้กองทัพบกไทยจะออกมาเปิดเผยการเจรจากันอย่างลับ ๆ เมื่อวานนี้ จนทำให้กองทัพกัมพูชาสั่งถอนทหารออกจากเส้นเขตแดนบริเวณช่องบกที่รุกล้ำเข้ามา ส่วนทหารไทยเองก็ยินยอมปรับการวางกำลัง ให้กลับไปสู่แนววางกำลังเดิมเมื่อปี พ.ศ.2567 เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ยอมถอยคนละก้าวในเขตชายแดน และลดความร้อนแรงที่อาจเสี่ยงต่อการปะทะและสูญเสียโดยไม่จำเป็น

แต่โดยภาพรวมแล้ว ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศยังไม่จางหายไปไหน ล่าสุด กัมพูชาสั่งลดเวลาพำนักของคนไทยในประเทศ เหลือเพียง 7 วัน จาก 60 วัน เมื่อครบกำหนดพลเมืองไทยจะต้องเดินทางออกจากกัมพูชา แล้วจึงสามารถกลับเข้ามาเพื่อประทับตราหนังสือเดินทางหรือบัตรผ่านแดนใหม่ได้ เพื่อเป็นการตอบโต้มาตรการไว้ที่ระดับเดียวกับไทยที่จำกัดเวลาพำนักของชาวกัมพูชาเช่นกัน ขณะที่สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ยืนยันว่า กัมพูชาไม่ได้ถอนกำลังทหารแต่เป็นการปรับวางกำลังใหม่เท่านั้น

เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นความเคลื่อนไหวทางการทูตที่ยังไม่นิ่ง Spotlight ชวนมาส่องบรรยากาศที่เกิดขึ้นในกัมพูชาขณะนี้ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผ่านสำนักข่าวและสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะพาดหัวข่าวของสำนักพิมพ์ระดับชาติกัมพูชา อย่าง พนมเปญโพสต์ แขมร์ไทมส์ เทมย-เทมย เป็นต้น โดยได้ใช้โปรแกรมแปลภาษาพาดหัวเป็นภาษาไทย ดังนี้

จากตัวอย่างพาดหัวข่าวบางส่วน จะเห็นว่าสื่อกัมพูชายังให้ความสนใจต่อประเด็นความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา กรณีชายแดนช่องบก โดยมีการรายงานความเคลื่อนไหวของผู้นำประเทศที่เกี่ยวข้อง ทั้งสมเด็จ ฮุนเซ็น การเจรจาของกองทัพกัมพูชากับกองทัพไทย คำแถลงรัฐมนตรีต่างประเทศ ตลอดจนการปรับตัวของกองทัพเพื่อรับมือกับเหตุปะทะ และประเด็นสังคม-วัฒนธรรมของไทยกับกัมพูชา เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้เขียนสังเกตเห็นว่า มีประเด็นสำคัญที่สื่อหลายสำนักในกัมพูชาค่อนข้างให้ความสนใจเป็นพิเศษ สื่อทุกสำนักต่างรายงานประเด็นนี้ ซึ่งตามมาด้วยการพูดคุยบนโลกโซเชียลของประชาชนชาวกัมพูชาที่ค่อนข้างดุเดือด โดย Spotlight ได้สรุปเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจ ดังนี้

  • ยอมถอยที่ชายแดน แก้แค้นบนศาลโลก!

แม้จะมีข่าวอัพเดตความเคลื่อนไหวของทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกเนื้อข่าวมักจะตอกย้ำและลงท้ายถึงการหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งในความหมายของรัฐบาลกัมพูชา คือต้องการผลักดันให้พื้นที่พิพาทช่องบก ถูกนำขึ้นสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ และยังรวมถึงพื้นที่พิพาทชายแดนอีกหลายจุด ทั้งบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย

นายปรัก โสคน รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขเหล่านี้ยังคงเป็นแหล่งที่มาของความเข้าใจผิดและความตึงเครียดที่เกิดซ้ำ และนำไปสู่เหตุการณ์ที่โชคร้ายหลายครั้ง รวมถึงการเผชิญหน้าล่าสุดที่หมู่บ้านเทโชโมโรโกต ตำบลโมโรโกต อำเภอโชอัมคซาน จังหวัดพระวิหาร เมื่อกองทัพไทยเปิดฉากยิงใส่ตำแหน่งกองทัพกัมพูชา ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย

เขากล่าวว่า เหตุการณ์วันที่ 28 พฤษภาคมยิ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการหาทางออกที่ยั่งยืนและสันติ เมื่อพิจารณาถึงความซับซ้อน ลักษณะทางประวัติศาสตร์ และความละเอียดอ่อนของข้อพิพาทเหล่านี้ เป็นที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการเจรจาทวิภาคีเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ครอบคลุมและยั่งยืนอีกต่อไป จึงควรนำประเด็นดังกล่าวขึ้นพิจารณาโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งข้อเรียกร้องดังกล่าว ถูกหยิบยกขึ้นมาหลายครั้ง แม้แต่นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ก็ตอกย้ำว่าต้องการให้ศาลโลกตัดสินเช่นกัน

  • รู้จุดแข็ง ไทยพึ่งแรงงานกัมพูชา

เมื่อวานนี้ (8 มิ.ย. 68) ไทยเดินหน้าใช้มาตรการปิดชายแดนชั่วคราว ส่งผลให้ชาวกัมพูชาที่พำนักในประเทศไทย โดยเฉพาะแรงงานนับหมื่นคน แตกตื่นกันไปเข้าแถวที่ประตูเขตแดนสำคัญ โดยเฉพาะ ด่านอรัญฯ - ปอยเปต อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ในสื่อใหญ่อย่างแขมร์ไทมส์ ก็รายงานข่าวนี้เช่นกัน โดยระบุพาดหัวข่าวว่า “ไทยอาจเผชิญความสูญเสียทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่หากไม่มีแรงงานต่างด้าว 1.2 ล้านคนจากกัมพูชาอยู่ในประเทศ”

สารัต นักธุรกิจชาวไทย ซึ่งลงทุนในภาคธุรกิจการบริการและการเกษตร กล่าวว่า แรงงานข้ามชาติจากกัมพูชาในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ของไทยยังคงเป็นแรงงานที่มีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก เมื่อเราพูดถึงปัญหาชายแดน เราจะพิจารณาเฉพาะผลกระทบต่อการค้าและการท่องเที่ยวทวิภาคีเท่านั้น  เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะเฟื่องฟูต่อไปได้ ก็ยังต้องอาศัยแรงงานจากต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยก็รับรู้ดี 

จากการศึกษาวิจัยของ Winrock International ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนของอเมริกาที่ดำเนินการวิจัยและวิเคราะห์เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติไปทั่วโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่ยิ่งใหญ่กว่าในการเสริมศักยภาพให้กับผู้ด้อยโอกาส พบว่า จังหวัดชลบุรี ระยอง ตราด จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว และเมืองหลวงของไทยอย่างกรุงเทพมหานคร ต้องพึ่งพาแรงงานชาวกัมพูชาเป็นอย่างมาก ข่าวนี้จึงชี้ให้เห็นว่า กัมพูชารู้จุดแข็งของตนเองว่าเป็นตลาดแรงงานที่ไทยขาดไม่ได้

  • เมืองพุทธพี่น้อง ทำไมร่วมมือกันไม่ได้?

แม้จะมีข่าวความขัดแย้งระหว่างสองประเทศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดเป็นเวลาต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม ซึ่งเกิดการปะทะจนทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตนั้น แต่สื่อกัมพูชาบางส่วนก็ยังมีพื้นที่ให้กับประเด็นสังคม วัฒนธรรม และความใกล้เคียงกันระหว่างไทยและกัมพูชา โดยบทความที่ถูกเผยแพร่มีพาดหัวข่าวระบุว่า “เพราะเหตุใด เมืองพุทธที่อยู่ติดกัน จึงไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ”

บทความดังกล่าวระบุว่า กัมพูชาและไทย แม้จะเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่นับถือศาสนาพุทธและมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศาสนาที่ใกล้ชิด แต่กลับเผชิญกับความตึงเครียดเรื่องเขตแดนและมรดกทางวัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่สำคัญเช่นปราสาทพระวิหาร ซึ่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ตัดสินให้เป็นของกัมพูชาในปี 1962 และ 2013 และพื้นที่อื่นๆ เช่น วัดตาเมือนธม ความขัดแย้งเหล่านี้มักจุดชนวนกระแสชาตินิยมในไทย และเหตุการณ์ล่าสุดที่ทหารกัมพูชาเสียชีวิตที่หมู่บ้านมอมเบย ได้ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น 

บันทึกความเข้าใจ (MoU) ปี 2000 ที่ไทยและกัมพูชาลงนามเพื่อสำรวจและกำหนดเขตแดนกลับไม่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา เนื่องจากทั้งสองฝ่ายใช้แผนที่อ้างอิงที่แตกต่างกัน โดยกัมพูชาและ ICJ ใช้แผนที่ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ขณะที่ไทยใช้แผนที่ของตนเอง ปัญหาชายแดนนี้มักถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในไทย โดยเฉพาะในช่วงที่การเมืองภายในไม่มั่นคง หรือเมื่อกองทัพต้องการยึดอำนาจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากกรณีปราสาทพระวิหารในปี 2008 และการปะทะกันล่าสุดที่มอมเบย

เมื่อบันทึกความเข้าใจปี 2000 ไม่สามารถแก้ไขข้อพิพาทได้ รัฐบาลกัมพูชาจึงตัดสินใจเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ส่งข้อพิพาทใน 4 พื้นที่อ่อนไหวไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อหาทางออกอย่างสันติ การที่ไทยมีศักยภาพทางเศรษฐกิจและการทหารที่เหนือกว่า ทำให้ไทยมักสนับสนุนการเจรจาทวิภาคีที่เอื้อประโยชน์ต่อตนเอง ในขณะที่กัมพูชามุ่งมั่นที่จะใช้กลไกที่เป็นกลางตามกฎหมายระหว่างประเทศ การแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติโดยการยอมรับเขตแดนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ (uti possidetis juris) ซึ่งสืบทอดมาจากยุคอาณานิคม จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งสองประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไม่มีที่สิ้นสุด และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและความร่วมมือในภูมิภาค

จากการส่องสื่อกัมพูชา ทำให้เห็นว่าไทยดูเป็นผู้ร้ายในสายตากัมพูชา เพราะมีข้อความอย่างการเปิดฉากโจมตีเพราะทหารต้องการยึดอำนาจ ขณะเดียวกัน ในฝั่งของไทยเองก็มีความเชื่อที่ว่ารัฐบาลกัมพูชาใช้ความขัดแย้งเป็นเครื่องมือสร้างความเชื่อมั่น ปลุกความรักชาติในกัมพูชาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเช่นกัน ความขัดแย้งอันไม่จบสิ้นของสองประเทศในคราวนี้ ยังไม่แน่ชัดนักว่าจะจบลงอย่างไร แต่นี่เป็นอีกครั้งที่คนทั้งสองประเทศกำลังก่อความเกลียดชังขึ้นในใจอีกทีละนิด ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะจางหายไปได้เลย






แชร์
ยอมถอยที่ชายแดน แก้แค้นบนศาลโลก! ส่องสื่อกัมพูชาเดินหน้าสู้เพื่อช่องบก