รัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรงใส่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ด้วยขีปนาวุธและโดรน เป็นคืนที่สองติดต่อกัน ท่ามกลางการแลกเปลี่ยนเชลยสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
ตามรายงานของฝ่ายบริหารทหารประจำภูมิภาคเคียฟระบุว่า การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นในคืนวันเสาร์ (24 พฤษภาคม) จนถึงเช้าวันอาทิตย์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายในพื้นที่กรุงเคียฟ และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 10 ราย ในจำนวนดังกล่าวเป็นเด็ก 2 คน และอาคารของพลเรือนในหลายเขตได้รับความเสียหาย
ขณะที่หนึ่งวันก่อนหน้านั้น ก็มีรายงานว่า การโจมตีทั่วประเทศยูเครนจากรัสเซีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมอย่างน้อย 13 ราย
รายงานระบุว่า เสียงไซเรนแจ้งเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นต่อเนื่องนานหลายชั่วโมงในเมืองหลวง โดยประชาชนได้รับคำเตือนให้อยู่ในที่หลบภัยในช่วงเช้ามืดของวันอาทิตย์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่าโดรนโจมตียังคงพุ่งเป้ามาที่กรุงเคียฟอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ วิตาลี คลิชโก ระบุผ่านโพสต์ใน Telegram ว่า เมืองหลวงกำลังเผชิญกับ “การโจมตีขนาดใหญ่” อีกครั้ง
ขณะเดียวกันรอยเตอร์สรายงานว่า มีประชาชนจำนวนมากอพยพไปอาศัยหลับนอนในสถานีรถไฟใต้ดินแทนเพื่อความปลอดภัย
การโจมตีอย่างหนักหน่วงในครั้งนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันจากนานาชาติต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ให้ยอมรับข้อเสนอหยุดยิงและยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี อย่างไรก็ตาม การเจรจาโดยตรงครั้งแรกในรอบสามปีระหว่างยูเครนและรัสเซียเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา กลับสิ้นสุดลงด้วยข้อตกลงแลกเปลี่ยนเชลยศึก ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะใช้เวลาทั้งหมดสามวันถึงจะแลกเปลี่ยนนักโทษเสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่การแลกเปลี่ยนเริ่มขึ้น กองทัพอากาศยูเครนออกมาเปิดเผยว่า รัสเซียได้โจมตีหลายภูมิภาคทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักคือ กรุงเคียฟ
กองทัพอากาศยูเครนเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า มีการโจมตีแบบผสมผสานโดยใช้โดรน ขีปนาวุธพิสัยไกล และขีปนาวุธร่อน ที่ยิงจากเรือรบและเครื่องบิน ซึ่งมุ่งเป้าไปยังหลายเมืองในยูเครน ขณะที่การโจมตียังคงดำเนินต่อไปก่อนเข้าสู่วันที่สามของการแลกเปลี่ยนเชลยศึกตามแผนที่วางไว้
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวและคนใกล้ชิดของผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกล่าวว่า “มันเป็นคืนที่ยากลำบากสำหรับชาวยูเครนทุกคน”
ทั้งนี้ ทหารรัสเซียและยูเครนกว่า 600 นายได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันเสาร์ ในฐานะส่วนหนึ่งของขั้นตอนที่สองของการแลกเปลี่ยนเชลยศึกตามข้อตกลง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการแลกเปลี่ยน มีผู้ได้รับการปล่อยตัวเกือบ 800 คน
ข้อตกลงในการปล่อยเชลยศึกจำนวน 1,000 คนจากทั้งสองฝ่าย ถือเป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมเพียงอย่างเดียวจากการพบกันระหว่างยูเครนและรัสเซียที่นครอิสตันบูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งนับเป็นการเจรจาโดยตรงครั้งแรกระหว่างทั้งสองฝ่ายนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022
CNN, Reuters