สำนักข่าวประชาสัมพันธ์ระหว่างกองทัพปากีสถาน (ISPR) รายงานความสำเร็จการทดสอบยิงขีปนาวุธฟาตาห์ ซึ่งมีพิสัยการยิง 120 กิโลเมตร ระบุว่า การทดสอบขีปนาวุธดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อเตรียมความพร้อมของกองกำลังและฝึกความแม่นยำใหการโจมตี หลังกองทัพพัฒนาขีปนาวุธครั้งใหม่ ซึ่งปากีสถานได้ยิงทดสอบขีปนาวุธเป็นรอบที่ 2 แล้ว ในช่วง 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (3 พ.ค. 68) ISPR เปิดเผยว่าปากีสถานได้ดำเนินการ ฝึกซ้อมการยิงขีปนาวุธภาคพื้น ภายใต้ชื่อ Abdali Weapon System ที่มีพิสัยการยิง 450 กิโลเมตรสำเร็จ ระบบนำวิถีทำให้จรวดนี้เป็นอาวุธที่มีความแม่นยำ ซึ่งช่วยเพิ่มความร้ายแรงและมีประสิทธิภาพ ในขณะที่โหมดวิถีและการนำวิถีขั้นสุดท้ายช่วยให้จรวดสามารถหลบเลี่ยงระบบขีปนาวุธต่อต้านจากศัตรูได้
สื่อของกองทัพฯ ยังรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพ นักวิทยาศาสตร์ และวิศวกรจากองค์กรเชิงยุทธศาสตร์ของปากีสถาน เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการสอบขีปนาวุธครั้งสำคัญ พร้อมกล่าวสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่กองทัพในการขัดขวางการรุกรานใด ๆ ต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของปากีสถาน หรืออีกนัยหนึ่งคือการรับมือความขัดแย้งกับอินเดียนั่นเอง
ด้านประธานาธิบดีอาซิฟ อาลี ซาร์ดารี แห่งปากีสถานแสดงความยินดีกับความสำเร็จ พร้อมกล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของชาติในการประกันความมั่นคงและการป้องกันประเทศ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟ แห่งปากีสถานแสดงความพึงพอใจต่อศัพยภาพระดับมืออาชีพของกองทัพฯ
ความเคลื่อนไหวของปากีสถานเกิดขึ้นขณะที่รัฐบาลอินเดียสั่งกองทัพเริ่มปฏิบัติการซ้อมรบในหลายรัฐฯ พร้อมซ้อมรับมือเหตุนองเลือดกับพลเรือนในพื้นที่ใกล้ชายแดน กานชัน กุปตา ที่ปรึกษาอาวุโสจากกระทรวงข้อมูลข่าวสารอินเดีย แถลงว่า กระทรวงมหาดไทยได้ขอให้รัฐหลายแห่งจัดการฝึกซ้อมแผนจำลองเพื่อป้องกันความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงซ้อมแผนอพยพ และอบรมพลเรือนในการดูแลตัวเองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ทดสอบไซเรนเตือนการโจมตีทางอากาศ เตรียมพร้อมสำหรับไฟฟ้าดับ และเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกที่สำคัญสำหรับการพรางตัว
นอกจากการเตรียมความพร้อมด้านการทหารแล้ว อินเดียยังมีอีกหนึ่งอาวุธสำคัญคือเขื่อนกักเก็บน้ำในแม่น้ำสินธุ หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายในเมืองพาฮัลแกม แค้วนแคชเมียร์เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียประกาศฉีกสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ ไม่แบ่งน้ำให้ปากีสถานใช้อีกต่อไป ล่าสุด รัฐบาลยังเคลื่อนไหวเพิ่มเติม โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ล้างตะกอนและกำจัดตะกอนในอ่างเก็บน้ำของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ เพื่อส่งสัญญาณให้ปากีสถานว่าอินเดียเอาจริง เตรียมพร้อมกักน้ำในเขื่อนบากลีฮาร์และซาลัล ในแคว้นจัมมูและแคชเมียร์
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้จัดการประชุมหารือแบบปิดเมื่อวานนี้ เกี่ยวกับความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างอินเดียและปากีสถาน เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูแตร์เรสเตือนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเกิดความน่ากังวลและรุนแรงมากที่สุดในรอบหลายปี แม้ว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติซึ่งมีสมาชิก 15 ประเทศจะไม่ได้ออกแถลงการณ์ใดๆ หลังการประชุม แต่อินเดียกล่าวว่าทัศนคติของปากีสถานในวันนี้ ทำให้การปรองดองล้มเหลว
เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา กลุ่มคนร้ายติดอาวุธบุกโจมตีอุกอาจในเมืองพาฮัลแกม จุดท่องเที่ยวต้นทางแสวงบุญของชาวฮินดู และเป็นเมืองท่องเที่ยวสวยงามจนได้รับฉายาว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งอินเดีย พวกเขาสังหารนักท่องเที่ยวและชาวพื้นเมืองบางส่วน เสียชีวิตทั้งสิ้น 26 ราย และผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบ เหตุการณ์อันน่าสลดทำให้ความขัดแย้งในแคชเมียร์กลับมาตึกเครียดอีกครั้งในรอบหลายปี และทั้งสองประเทศลดระดับความสัมพันธ์กันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
อินเดียสั่งปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูงปากีสถานและขับไล่พลเมืองปากีสถานที่ถือวีซ่าบางประเภท รวมถึงปิดจุดชายแดนหลายเขต และฉีกสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ เนื่องจากเชื่อว่า ปากีสถานอยู่เบื้องหลังเหตุก่อการร้ายดังกล่าว ขณะที่ปากีสถานออกมาปฏิเสธ สั่งขับไล่ชาวอินเดียออกนอกประเทศ รวมถึงปิดน่านฟ้า ระงับเที่ยวบินเกือบทั้งหมดระหว่างอินเดียและปากีสถาน ทั้งนี้ มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และ จีน รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศพยายามยับยั้งชั่งใจที่จะไม่เปิดฉากโจมตีกัน เนื่องจากต่างฝ่ายต่างมีขีปนาวุธที่พร้อมทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม