“ผมมองว่าการอนุรักษ์จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากการท่องเที่ยว และความสำเร็จของการอนุรักษ์ในรวันดาขณะนี้ก็เป็นผลมาจากการท่องเที่ยว เงินที่ได้จากการท่องเที่ยวถูกนำกลับไปใช้ในการอนุรักษ์” มานซี คายิฮูรา หนึ่งในแรงผลักดันสำคัญต่อโมเดลการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืนของรวันดา กล่าวในงาน “Beyond the Gorillas: Rwanda’s Miracle Story” ที่กรุงเทพฯ
มานซีมาเยือนเมืองไทยตามคำเชิญของ A2A Safaris เพื่อบอกเล่าเรื่องราวอันน่าทึ่งของการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูงแต่มีผลกระทบต่ำของรวันดา ที่ได้พลิกโฉมตัวเองจากภาวะฟื้นตัวหลังความขัดแย้งและเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ภายในระยะเวลาเพียงสามทศวรรษ
เรื่องราวของรวันดาเป็นแผนแม่บทที่น่าสนใจสำหรับประเทศที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเพื่อความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็ปกป้องมรดกทางธรรมชาติของประเทศด้วย ซึ่งมานซีบอกว่าหัวใจหลักของความสำเร็จคือความร่วมมือกันระหว่างการอนุรักษ์ การท่องเที่ยว และความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน
“ผู้คนให้ความสนใจการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมากขึ้น เขาเข้าใจว่าต้องปกป้อง (ธรรมชาติ) เพื่อที่จะให้เกิดความยั่งยืน และดูจะเป็นไปในทางที่ดีในแอฟริกา เราพยายามอย่างมากเพื่อให้ความยั่งยืนเป็นไปได้”
มานซีบอกว่า ชาวรวันดาไม่เอนอายที่จะพูดถึงเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่มีผู้เสียชีวิตถึงราว 800,000 คนในระยะเวลาเพียง 100 วัน เมื่อเหตุความขัดแย้งสงบลง ประเทศเลือกที่จะมุ่งหน้าสร้างทุกอย่างจากสิ่งที่เหลืออยู่ “เราให้โจทย์บริษัทที่ปรึกษาไปว่ามี 3 อย่างที่ต้องพัฒนาคือ การท่องเที่ยว ไอที และกาแฟ” มานซี่ย้อนเล่าถึงจุดเริ่มต้น
ในวันที่เริ่มศึกษารูปแบบการท่องเที่ยวของประเทศอื่น ๆ รวันดามองทรัพยากรที่มีกอริลลาอยู่ 12 ครอบครัวที่สามารถให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือนได้ จึงเป็นเหตุผลหลักให้ตัดสินใจว่าจะต้องหันทิศทางไปที่การท่องเที่ยวแบบมูลค่าสูงและส่งผลกระทบน้อยที่สุด และเป็นที่มาของการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเดินป่าติดตามกอริลลาต่อวัน และราคาใบอนุญาตที่นักท่องเที่ยวต้องจ่ายเพื่อกิจกรรมนี้โดยเฉพาะที่ปัจจุบันสูงถึง 1,500 เหรียญสหรัฐ หรือราว 49,000 บาทต่อคนต่อวัน
“ผมคิดว่าการท่องเที่ยวแบบลักซ์ชัวรีกับปริมาณนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปด้วยกันไม่ได้ (จำนวนนักท่องเที่ยว) จะต้องเป็นปริมาณที่น้อย ... และความตั้งใจที่จะเน้นความลักซ์ชัวรีเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ช่วยสร้างผลิตภัณฑ์ (การท่องเที่ยว) เฉพาะกลุ่มขนาดเล็ก" มานซีมองว่าการท่องเที่ยวแบบ mass tourism มีผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่อความสะอาดและต่อระบบนิเวศวิทยา “คุณสามารถได้รับรายได้ที่สูงขึ้นจากคนจำนวนน้อยลง และทำได้ดีกว่า”
ผลจากความมุ่งมั่นของรวันดาต่อความยั่งยืนเห็นได้อย่างชัดเจนจากจำนวนกอริลลาภูเขาที่คาดว่ามีประมาณ 480 ตัวในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,060 ตัวในเวลาเพียง 8 ปี ความสำเร็จด้านการอนุรักษ์ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ โดย GDP ต่อหัวที่เพิ่มขึ้นสามเท่า ขับเคลื่อนด้วยสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่มั่นคง มาตรการต่อต้านการทุจริตที่เข้มงวด และแผนพัฒนาที่แข็งแกร่งซึ่งนำโดยรัฐบาล
ไม่เพียงแต่กอริลลาภูเขาอันเป็นเอกลักษณ์ การท่องเที่ยวซาฟารีชมสัตว์ใหญ่หลากหลายชนิดในอุทยานแห่งชาติของประเทศ ล้วนอยู่ภายใต้กรอบการทำงานที่ออกแบบมาเพื่อความสมดุลทางนิเวศวิทยาในระยะยาว
มานซีได้เน้นย้ำถึงหัวใจสำคัญของการอนุรักษ์ว่าจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มีการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน “ผมคิดว่ามีสามส่วนหลักที่สำคัญคือ การท่องเที่ยว การอนุรักษ์ และชุมชน ดังนั้นชุมชนรอบอุทยานก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการอนุรักษ์นี้ด้วย หากทั้งสามเสาหลักนี้ไม่ได้รับการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ก็จะไม่สามารถดำเนินไปได้ และในรวันดา สิ่งนี้ได้ผลดีมาก”
รวันดาต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก หนังสือเดินทางทุกชาติสามารถขอ visa on arrival ได้เลย โดยมีนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ เป็นสัดส่วนสูงสุด ตามมาด้วยนักท่องเที่ยวจากยุโรป ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ถ้านับเฉพาะลักซ์ชัวรีซาฟารี ไม่รวมการประชุมสัมมนาหรือเดินทางผ่าน รวันดาต้อนรับนักท่องเที่ยวประมาณปีละ 150,000 คน
วิคเตอร์ ดิซอน ผู้ร่วมก่อตั้ง A2A Safaris พูดถึงความสนใจที่มีต่อการท่องเที่ยวซาฟารีของนักเดินทางในเอเชียว่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ที่งบเที่ยวเฉลี่ยต่อคนสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 ถึง 39 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีความต้องการประสบการณ์ที่ “เงินซื้อไม่ได้” มากขึ้น และนั่นทำให้แต่ละทริปใช้จำนวนวันมากขึ้นและมีความซับซ้อนมากขึ้นด้วย บริษัทของเขาเองที่เปิดมาราว 20 ปีก็เพิ่งฉลองการส่งนักท่องเที่ยวจากเอเชียไปลักซ์ชัวรีซาฟารีครบหนึ่งหมื่นคนปีนี้
มานซียังกล่าวถึงวิสัยทัศน์ของรวันดากับภาคการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ด้วยการพัฒนาที่กำลังจะเกิดขึ้นเพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบไฮเอนด์ที่มีผลกระทบต่ำ ซึ่งรวมถึงที่พักสุดหรูอย่าง Bisate Reserve ที่เพิ่งเปิดตัวปีที่ผ่านมา และโรงแรมหรูใหม่ ๆ จากผู้ประกอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศชื่อดังหลายแบรนด์ที่มีกำหนดเปิดในปี 2569 ในอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟ (Volcanoes) และอุทยานแห่งชาติป่ากิชวาตี-มูคูรา (Gishwati-Mukura) โครงการเหล่านี้ได้รับการวางแผนอย่างพิถีพิถันเพื่อบูรณาการเข้ากับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและลดผลกระทบต่อระบบนิเวศให้เหลือน้อยที่สุด
นอกเหนือจากการเดินป่าติดตามกอริลลาที่มีชื่อเสียง รวันดายังคงพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่ที่ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว รวมถึงการส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ แหล่งกำเนิดแม่น้ำไนล์ และพื้นที่ชุ่มน้ำอนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกากลาง ปัจจุบัน กรุงคิกาลีเอง ที่ได้รับการโหวตว่าเป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในแอฟริกา ก็กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ "Green City Kigali" ภายใต้แผนแม่บทที่มุ่งเน้นการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนและการขยายพื้นที่สีเขียว
การสำรวจสำมะโนประชากรกอริลลาภูเขาที่เริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมปีนี้ คาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรวันดาต่อการจัดการสัตว์ป่าอย่างรับผิดชอบ จำนวนกอริลลาที่เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอนจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จในการอนุรักษ์ที่ขับเคลื่อนด้วยการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน