Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
แก๊งลักรถระบาดหนักใน UK หายปีละ 130,000 คัน เสียหาย 8 หมื่นล้านบาท
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

แก๊งลักรถระบาดหนักใน UK หายปีละ 130,000 คัน เสียหาย 8 หมื่นล้านบาท

28 มิ.ย. 68
13:05 น.
แชร์

สหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับวิกฤตการโจรกรรมรถยนต์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยอัตราการขโมยรถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงในระดับที่กลายเป็น "ภัยระดับประเทศ" รถที่ถูกขโมยมักถูกส่งออกข้ามพรมแดนไปยังต่างประเทศได้ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งสร้างความเสียหายต่อทั้งผู้บริโภคและเศรษฐกิจในวงกว้าง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมสูงถึงหลายพันล้านปอนด์ต่อปี

สถาบัน Royal United Services Institute (RUSI) ซึ่งเป็นองค์กรด้านความมั่นคงและการป้องกัน ระบุว่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา อัตราการโจรกรรมรถยนต์ในอังกฤษเพิ่มขึ้นถึง 75% หรือเฉลี่ยประมาณ 130,000 คันต่อปี โดยขบวนการที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้เป็นโจรทั่วไป แต่เป็น "เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ" ที่มีโครงสร้างซับซ้อนและทำงานอย่างเป็นระบบ

ขบวนการเหล่านี้ใช้อุปกรณ์ไฮเทคและเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สามารถเจาะผ่านระบบรักษาความปลอดภัยของรถยนต์รุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว แม้ผู้ผลิตรถยนต์จะพัฒนาระบบป้องกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มโจรกรรมสามารถดัดแปลงเครื่องมือและปรับกลยุทธ์ได้ทันสถานการณ์เสมอ ทำให้การโจรกรรมยุคใหม่มีประสิทธิภาพสูงและยากต่อการหยุดยั้งมากขึ้นกว่าเดิม

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรง คือเครือข่ายการลักลอบส่งออกที่ทรงประสิทธิภาพ กลุ่มอาชญากรรมสามารถเคลื่อนย้ายรถที่ถูกขโมยไปยังต่างประเทศได้ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มผู้กระทำผิดไม่ใช่เพียงกลุ่มโจรกรรมรายย่อย แต่เป็นขบวนการระดับสากลที่มีการวางแผนอย่างละเอียดและเชื่อมโยงกันทั่วโล

ที่น่าสนใจคือ รถที่ตกเป็นเป้าหมายไม่ได้มีแค่รถหรูอย่าง Range Rover หรือ Rolls-Royce เท่านั้น แต่รถยนต์ที่พบเห็นได้ทั่วไปบนท้องถนน เช่น Ford Fiesta, Ford Focus และ Volkswagen Golf ก็ถูกโจรกรรมเป็นจำนวนมากเช่นกัน

ปัจจุบันรถเหล่านี้ติดอันดับรถที่ถูกขโมยมากที่สุดในสหราชอาณาจักร สะท้อนว่าปัญหานี้ไม่ได้กระทบเฉพาะเจ้าของรถระดับไฮเอนด์ แต่เป็นภัยใกล้ตัวที่สร้างความเดือดร้อนในวงกว้าง ทั้งในด้านความปลอดภัยและผลกระทบทางเศรษฐกิจ

เครือข่ายโจรกรรมรถอังกฤษส่งขายต่างประเทศ บูมตลาดมืดทั่วโลก

รายงานของ RUSI ระบุว่า ประเทศปลายทางหลักที่มักรับซื้อรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมจากสหราชอาณาจักร ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จอร์เจีย ไซปรัส (ซึ่งใช้รถพวงมาลัยขวาเช่นเดียวกับอังกฤษ) และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก โดยประเทศเหล่านี้มีความต้องการรถยนต์มือสองและชิ้นส่วนอะไหล่ในระดับสูง

ความต้องการรถยนต์ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีราคารถยนต์สูงหรือกำลังประสบปัญหาขาดแคลนสินค้า กลายเป็นช่องว่างที่เอื้อต่อการแสวงหาประโยชน์ของเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการลักลอบส่งออกรถยนต์ที่ถูกโจรกรรม เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดที่ยังขาดแคลนอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อความต้องการ

“เมื่อราคารถยนต์และชิ้นส่วนในตลาดต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น และสินค้ามีอยู่อย่างจำกัด ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยจึงเลือกหาทางออกที่ถูกกว่า ซึ่งหลายครั้งก็มาจากตลาดผิดกฎหมาย และมักเป็นรถที่ได้มาจากการโจรกรรม” Glantz กล่าว

รายงานยังระบุเพิ่มเติมว่า แม้ปัญหาการโจรกรรมและการลักลอบส่งออกรถยนต์จะพบในหลายประเทศ แต่สหราชอาณาจักรมีความเสี่ยงเป็นพิเศษเนื่องจากปัจจัยเฉพาะ เช่น การเป็นประเทศเกาะที่มีการเชื่อมต่อเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง รวมถึงข้อจำกัดด้านงบประมาณของตำรวจซึ่งมุ่งเน้นทรัพยากรไปที่การจัดการกับอาชญากรรมรุนแรงเป็นหลัก

Glantz อธิบายเพิ่มเติมว่า “สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าระดับโลก โดยเฉพาะกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกา และประเทศอื่น ๆ อีกหลายแห่ง แต่จุดอ่อนสำคัญอยู่ที่ระบบการตรวจสอบที่ท่าเรือ ซึ่งมักให้ความสำคัญกับการตรวจสอบสินค้าที่นำเข้า มากกว่าสินค้าที่ส่งออก”

เสียหาย 1.77 พันล้านปอนด์ต่อปี แถมค่าประกันพุ่ง

ในมิติของผลกระทบทางเศรษฐกิจ รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ปัญหาการโจรกรรมรถยนต์ในสหราชอาณาจักรไม่เพียงสร้างความเสียหายแก่เจ้าของรถแต่ละรายเท่านั้น หากแต่ยังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อผู้ใช้รถทุกคนและต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม

Royal United Services Institute (RUSI) เปิดเผยว่า การโจรกรรมรถยนต์ในปัจจุบันก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อสหราชอาณาจักรสูงถึง 1.77 พันล้านปอนด์ต่อปี หรือประมาณ 2.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไม่ใช่เพียงตัวเลขความเสียหายจากทรัพย์สินที่ถูกขโมย แต่ยังรวมถึงผลกระทบเชิงระบบที่สะท้อนผ่าน การปรับขึ้นค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่พุ่งสูงกว่า 82% นับตั้งแต่ปี 2021

นอกจากความเสี่ยงที่จะสูญเสียรถยนต์แล้ว ผู้ใช้รถในสหราชอาณาจักรยังต้องเผชิญกับ ต้นทุนการใช้รถที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าประกันภัยที่แพงขึ้น ค่าซ่อมบำรุงที่สูงขึ้น ราคารถใหม่ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากภาวะเงินเฟ้อและภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ซ้อนทับกัน

ที่น่ากังวลคือ ตัวเลขความเสียหายที่รายงานอาจต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก โดย RUSI ระบุว่า มูลค่า 1.77 พันล้านปอนด์ที่ประเมินไว้ เป็นเพียงการประมาณการเบื้องต้นซึ่งคำนวณจาก "ต้นทุนอาชญากรรม" ที่รวมถึงค่าใช้จ่ายในการป้องกันอาชญากรรม ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ ทั้งภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไป ตลอดจนต้นทุนในการเยียวยาและแก้ไขผลกระทบ โดยอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยของสหราชอาณาจักร

Glantz อธิบายเพิ่มเติมว่า "เมื่อราคารถยนต์และเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตต้องทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อพัฒนาระบบป้องกันใหม่ ๆ ต้นทุนของอาชญากรรมก็สูงขึ้นตามไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนรถที่ถูกโจรกรรมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ตัวเลข 1.77 พันล้านปอนด์ที่เราประเมินไว้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของปัญหานี้ ไม่ใช่ขีดจำกัดสูงสุดของความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง"

ที่มา: CNBC


แชร์
แก๊งลักรถระบาดหนักใน UK หายปีละ 130,000 คัน เสียหาย 8 หมื่นล้านบาท