เป็นธรรมหรือลิดรอนสิทธิ? ทรัมป์ห้ามคนข้ามเพศแข่งกีฬากับผู้หญิง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ห้ามไม่ให้สตรีข้ามเพศเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทุกประเภทสำหรับผู้หญิง เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับนักกีฬาเพศหญิงทุกคน โดยให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำกับดูแลหน่วยงานรัฐฯต่าง ๆ ปฏิบัติตามคำสั่งแบนสตรีข้ามเพศจากกีฬาฯ สำหรับผู้หญิงที่จัดขึ้นในโรงเรียน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ห้ามไม่ให้สตรีข้ามเพศเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทุกประเภทสำหรับผู้หญิง เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับนักกีฬาเพศหญิงทุกคน โดยให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำกับดูแลหน่วยงานรัฐฯต่าง ๆ ปฏิบัติตามคำสั่งแบนสตรีข้ามเพศจากกีฬาฯ สำหรับผู้หญิงที่จัดขึ้นในโรงเรียน
ทรัมป์กล่าวระหว่างพิธีลงนามท่ามกลางเด็กและผู้หญิงนับร้อยคนที่ยืนรายล้อมเขาว่า การต่อสู้ของผู้หญิงในวงการกีฬาสิ้นสุดกันเสียที เพราะรัฐบาลของเขาจะไม่นิ่งดูดายที่ได้เห็นผู้ชาย (หญิงข้ามเพศ) ต้องฟาดฟันและทุบตีนักกีฬาเพศหญิงอีกต่อไป ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวยังมีผลกระทบถึงโรงเรียนที่เคยขอทุนจากรัฐบาลกลางสำหรับกิจกรรมการกีฬา ซึ่งอนุญาตให้เด็กหญิงข้ามเพศเข้าร่วมด้วย
ประธานสมาคมกรีฑาระดับวิทยาลัยแห่งชาติกล่าวต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ระบุว่า เขาทราบดีว่ามีนักกีฬาข้ามเพศไม่ถึง 10 คน จากนักกีฬา 530,000 คน ที่เข้าแข่งขันในโรงเรียน 1,100 แห่งทั่วสหรัฐฯ
ด้านสมาคมกีฬามหาวิทยาลัยแห่งชาติมองว่าคำสั่งของทรัมป์เป็นการสร้างมาตรฐานที่ชัดเจน เนื่องจากเมื่อเกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับนักกีฬาข้ามเพศ กฎหมายของรัฐและคำตัดสินของศาลมีความขัดแย้งกัน และจะมีการปรับกฎระเบียบของสมาคมฯ ในไม่อีกกี่วันนี้ ตามนโยบายของทรัมป์ ทั้งนี้ กฎระเบียบของสมาคมกีฬามหาวิทยาลัยแห่งชาติในปัจจุบัน กำหนดให้ผู้หญิงข้ามเพศที่เป็นนักกีฬาต้องมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนตรงตามขีดจำกัดของกีฬาแต่ละประเภท จึงจะมีสิทธิ์ในการลงแข่งขัน
เสียงแตกเป็นสองฝั่ง
หลังจากที่ทรัมป์ลงนามในคำสั่งพิเศษดังกล่าว ก็ได้รับเสียงเชียร์และปรบมือจากเด็กผู้หญิงที่ยืนรายล้อมเขา สอดคล้องกับผลสำรวจของสหรัฐฯ ที่พบว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยกับนักกีฬาข้ามเพศที่เข้าแข่งขันกีฬากับผู้หญิง และรัฐที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันทั้ง 25 รัฐ ก็ได้ผ่านกฎหมายที่ห้ามไม่ให้เด็กสาวข้ามเพศเข้าร่วมกีฬาของเด็กผู้หญิง
ขณะเดียวกัน องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนมองว่าเป็นการลิดรอนสิทธิของกลุ่มเพศหลากหลาย ด้านคริส เออร์ชัลล์ ทนายความอาวุโสของกลุ่มกฎหมาย GLAD Law ซึ่งสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ กล่าวว่าสมาคมกรีฑาและโค้ชระดับโรงเรียนต่าง ๆ สามารถรักษาความเป็นธรรมในการเล่นกีฬามาเป็นเวลาหลายปีอยู่แล้ว และการห้ามนักกีฬาข้ามเพศ ไม่ได้ช่วยรับประกันความเป็นธรรมหรือความปลอดภัยว่าจะเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
เออร์ชัลล์กล่าวว่า “เรากำลังพูดถึงนักเรียนจำนวนน้อยมาก ยิ่งไปกว่านั้น เรากำลังพูดถึงนักเรียนที่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ ในกีฬาของโรงเรียน แต่กลับมีความพยายามที่จะลิดรอนสิทธิของพวกเธอ มันเป็นวิธีการที่ไร้สาระในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้มีการแบนคำสั่งดังกล่าว เพราะมองว่าเป็นความพยายามที่จะ "ตีตราและเลือกปฏิบัติต่อคนกลุ่ม LGBTQ+"
สิทธิคนข้ามเพศในสหรัฐฯ ถูกลิดรอน?
นอกจากคำสั่งดังกล่าว คำสั่งของทรัมป์มีขอบเขตเกินกว่ากีฬาในระดับมัธยมศึกษาและวิทยาลัย โดยเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ปฏิเสธการออกวีซ่าให้กับผู้หญิงข้ามเพศที่ต้องการแข่งขันกีฬาในสหรัฐฯ รวมถึงคำสั่งอีกหลายฉบับที่จำกัดสิทธิของคนข้ามเพศ ตั้งแต่คำสั่งระงับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางที่ช่วยเหลือในการแปลงเพศสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี ไปจนถึงคำสั่งห้ามไม่ให้คนข้ามเพศเข้ารับราชการทหาร
ในวันแรกที่โดนัลด์ ทรัมป์สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งที่เรียกร้องให้พนักงานของรัฐปฏิบัติต่อประชาชนตามกรอบของ “เพศกำเนิด” เท่านั้น ไม่ใช่ตาม “เพศสภาพ” โดยอ้างความจริงจากชีววิทยา นั่นหมายความว่าในเอกสารทางการ เช่น พาสปอร์ต บัตรประจำตัวประชาชน บัตรสิทธิประกันสังคม ที่ก่อนหน้านี้สามารถใส่ X สำหรับเพศทางเลือกหรือการไม่ระบุเพศนั้น ก็ต้องยกเลิกไปด้วย โดยทรัมป์กล่าวว่า นับจากนี้เป็นต้นไป นโยบายอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐฯ จะเป็นไปในทางเดียวกันว่ามีเพศเพียงสองเพศคือชายและหญิง
