ธุรกิจการตลาด

Meta จ่อเลย์ออฟ 'ครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์' ปลดคนหลายพันสัปดาห์นี้

7 พ.ย. 65
Meta จ่อเลย์ออฟ 'ครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์' ปลดคนหลายพันสัปดาห์นี้

 

Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook จ่อปลดพนักงานครั้งใหญ่สุดในสัปดาห์นี้ คาดแซงหน้า 'ทวิตเตอร์' ที่เพิ่งเลย์ออฟไป 3,700 คน

 

วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานว่า Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook อาจจะประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ภายในสัปดาห์นี้ โดยอาจเลย์ออฟมากถึง "หลายพันตำแหน่ง" จากจำนวนพนักงานทั้งหมดกว่า 87,000 คนทั่วโลก

รายงานระบุว่า การเลย์ออฟที่คาดว่าจะมีการประกาศในวันพุธที่ 9 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น คาดว่าจะเป็นการเลย์ออฟครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในปี 2022 นี้ แซงหน้าการเลย์ออฟครั้งใหญ่ของ "ทวิตเตอร์" ที่หั่นพนักงานลงถึงครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 3,700 คน ไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

แต่ถึงแม้สื่อจะรายงานถึงข่าวการปรับโครงสร้างใหญ่ครั้งแรกของ Meta แต่โฆษกของบริษัทก็ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้ และระบุถึงเพียงถ้อยแถลงของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของบริษัทที่กล่าวเมื่อครั้งแถลงผลประกอบการไตรมาส 3 ว่า

"ในปี 2023 เราจะมุ่งโฟกัสการลงทุนไปยังธุรกิจที่มีการเติบโตสูง ซึ่งยังมีจำนวนน้อย ดังนั้น บางทีมจึงอาจมีการขยายทีมสูงมาก ในขณะที่ทีมส่วนใหญ่จะลดขนาดลง โดยรวมแล้ว เราคาดว่าสิ้นปี 2023 บริษัทจะมีขนาดประมาณเท่าเดิม หรืออาจเล็กลงกว่าปัจจุบันเล็กน้อย"

artboard1copy3_13_2

WSJ ระบุว่า ในช่วง 2 ปีแรกที่เกิดวิกฤตโรคโควิด-19 ระบาด การใช้โซเชียลมีเดียเติบโตขึ้นมาก ทำให้ Meta ต้องขยายทีมโดยรับพนักงานทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึงกว่า 27,000 คน ในปี 2020 และ 2021 และบริษัทยังขยายการจ้างงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 15,344 คน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 นี้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในระยะหลังของ Meta กลับไม่สู้ดีนัก ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทรายงานผลประกอบการกับตัวเลขรายได้ที่ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยให้เหตุผลว่าเผชิญการแข่งขันอย่างรุนแรงจากคู่แข่งอย่าง Tiktok และการที่บริษัท Apple ออกฟีเจอร์ป้องกันไม่ให้แอปเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้

ที่สำคัญ การลงทุนในกลุ่มธุรกิจเมตาเวิร์ส (Metaverse) ยังถือเป็นตัวฉุดรายได้หลักของบริษัทอีกด้วย โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2021 เป็นต้นมา Meta ทุ่มงบไปกับเมตาเวิร์สแล้วถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 5.7 แสนล้านบาท) แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ และคาดว่าว่าเมตาเวิร์สจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่ขาดทุนต่อเนื่องอีกปี ในปี 2023 ด้วย

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้มูลค่าหุ้นของ Meta ร่วงลงไปแล้วถึง 75% ในปีนี้ จนลงไปแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2016 เป็นต้นมา และกลายเป็นหุ้นที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในกระดาน S&P 500 ประจำปีนี้

 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT