ความยั่งยืน

อินเดีย ประเทศส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แต่คนในประเทศยังคง อดอยาก

6 ก.ค. 67
อินเดีย ประเทศส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แต่คนในประเทศยังคง อดอยาก

แม้จะก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ภายในประเทศอินเดียกลับยังคงมีประชากรจำนวนมากต้องเผชิญกับความหิวโหย ความย้อนแย้งนี้ชวนให้เราตั้งคำถามว่า "ทำไม?" และ "ประเทศไทยสามารถเรียนรู้อะไรจากสถานการณ์นี้ได้บ้าง?"

บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาคุณเจาะลึกถึงสาเหตุเบื้องหลังปัญหาความหิวโหยในอินเดีย ตั้งแต่ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อนไปจนถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมทั้งวิเคราะห์บทเรียนสำคัญที่ประเทศไทยควรนำมาปรับใช้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย

อินเดีย ประเทศส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แต่คนในประเทศยังคง อดอยาก

อินเดีย ประเทศส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แต่คนในประเทศยังคง อดอยาก

อินเดียก้าวขึ้นแท่นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกในปี 2023 ด้วยปริมาณส่งออกที่สูงถึง 16.5 ล้านตัน ทิ้งห่างไทยผู้ส่งออกอันดับสองอย่าง ประเทศไทย ด้วยปริมาณ 8.2 ล้านตัน ความสำเร็จนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพทางการเกษตรอันมหาศาลของอินเดีย ที่สามารถผลิตอาหารเพื่อเลี้ยงดูผู้คนจำนวนมากได้ เรียกได้เลยว่าอินเดียไม่ได้เป็นเพียงผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่อันดับสองรองจากจีนอีกด้วย ความสามารถในการผลิตข้าวได้เกือบทุกพื้นที่ในประเทศ โดยเฉพาะในรัฐเบงกอลตะวันตก, UP, ปัญจาบ, พรรคเตลัง และทมิฬนาฑู ทำให้อินเดียมีผลผลิตข้าวจำนวนมหาศาล

อันดับ ประเทศ
ปริมาณการส่งออกข้าว (พันเมตริกตัน)
1 อินเดีย 16,500
2 ไทย 8,200
3 เวียดนาม 7,600
4 ปากีสถาน 5,000
5 สหรัฐอเมริกา 2,675
6 จีน 2,200
7 กัมพูชา 1,950
8 เมียนมาร์ 1,800
9 บราซิล 1,300
10 อุรุกวัย 950

นอกจากนี้ อินเดียยังเป็นผู้ผลิตธัญพืชรายใหญ่อันดับสามของโลก มีพื้นที่เพาะปลูกธัญพืชคิดเป็น 11.2% ของพื้นที่เพาะปลูกทั่วโลก โดยมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวมากที่สุดในโลก แซงหน้าจีนอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม อินเดียยังคงประสบปัญหาผลผลิตข้าวต่อไร่ที่ต่ำกว่าจีน โดยอยู่ที่ 2,809 กิโลกรัมต่อเฮกตาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ความไม่เท่าเทียมกันของระบบนิเวศในแต่ละภูมิภาค การใช้ปุ๋ยที่ไม่สม่ำเสมอ เทคโนโลยีการเกษตรที่ล้าสมัย ปัญหาน้ำท่วม และการจัดการชลประทานที่ไม่มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความภาคภูมิใจในความสำเร็จด้านการส่งออกข้าว อินเดียยังคงเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศ ผลการจัดอันดับดัชนีความหิวโหยโลก (Global Hunger Index: GHI) โดยองค์กร Concern Worldwide และ Welthungerhilfe ในปี 2023 ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่น่ากังวล อินเดียถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 111 จาก 125 ประเทศ โดยมีคะแนน GHI ที่ 28.7 ซึ่งบ่งชี้ถึงระดับความหิวโหยที่ 'ร้ายแรง'

อินเดีย ประเทศส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แต่คนในประเทศยังคง อดอยาก

จากจำนวนประชากรอินเดียทั้งหมด 1.4 พันล้านคน พบว่ามีประชากรมากกว่า 190 ล้านคนกำลังเผชิญกับภาวะขาดสารอาหารและความหิวโหย ตัวเลขนี้สูงกว่าจำนวนประชากรในหลายประเทศทั่วโลก ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม การเข้าไม่ถึงอาหารที่มีคุณภาพ และการขาดแคลนทรัพยากรในบางพื้นที่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความย้อนแย้งระหว่างความสำเร็จด้านการส่งออกและปัญหาความหิวโหยภายในประเทศ โดยคะแนน GHI ที่สูงของอินเดียสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อน เช่น ระบบการกระจายอาหารที่ไม่ทั่วถึง การขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตร และความยากจนที่ยังคงแพร่หลายในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งยังส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรและความมั่นคงทางอาหารของประชากร

ในอนาคตเศรษฐกิจอินเดียจะก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลก

อินเดีย ประเทศส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แต่คนในประเทศยังคง อดอยาก

รู้หรือไม่ เศรษฐกิจอินเดียจะก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลกจากรายงานของทาง Goldman Sachs ระบุว่าปี 2075 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอินเดียจะผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของโลก ทิ้งห่างญี่ปุ่น เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ด้วยแรงหนุนจากนวัตกรรม การลงทุนจากต่างชาติ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีภายในประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน อินเดียก็ยังคงเผชิญกับความขัดแย้งที่น่าฉงน เมื่อประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตอาหารเลี้ยงคนทั้งโลกได้ กลับมีประชากรจำนวนมากที่ยังคงหิวโหยและขาดแคลนอาหาร

ความย้อนแย้งนี้ชวนให้ตั้งคำถามถึงความสามารถในการกระจายความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจไปสู่ประชาชนทุกภาคส่วน และประสิทธิภาพของระบบการจัดการทรัพยากรอาหารภายในประเทศ ดังนั้นหากในอนาคตการก้าวขึ้นเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของอินเดียในอนาคต อาจไม่ยั่งยืนหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศได้อย่างถาวร ความท้าทายนี้จึงเป็นโจทย์สำคัญที่อินเดียต้องเร่งหาทางออก เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน

ความหิวโหยในอินเดีย ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อน ที่รัฐต้องเร่งแก้

อินเดีย ประเทศส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แต่คนในประเทศยังคง อดอยาก

แม้ว่าอินเดียจะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก และมีศักยภาพในการผลิตอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการของประชากร แต่ความหิวโหยยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังที่กัดกินสังคมอินเดียอย่างต่อเนื่อง เหตุผลเบื้องหลังปัญหานี้ไม่ได้มีเพียงมิติเดียว หากแต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อนและเกี่ยวพันกับปัจจัยหลายประการ

  • นโยบายการเกษตรที่ไม่ยั่งยืน การมุ่งเน้นการเพิ่มผลผลิตในระยะสั้นโดยใช้สารเคมีเกษตรและการทำเกษตรเชิงเดี่ยวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดินเสื่อมโทรมและลดความสามารถในการผลิตอาหารในระยะยาว นโยบายการเกษตรที่ไม่คำนึงถึงความยั่งยืนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาจเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และสร้างปัญหาใหม่ให้กับระบบการผลิตอาหารในอนาคต
  • การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม การเติบโตของชนชั้นกลางในอินเดียเป็นสัญญาณบวกของการพัฒนาทางเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างแรงกดดันต่อระบบการผลิตและกระจายอาหาร เมื่อผู้คนมีรายได้เพิ่มขึ้น ความต้องการบริโภคอาหารที่มีคุณภาพและหลากหลายก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม การผลิตอาหารในอินเดียยังไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนเมืองที่หันมาบริโภคอาหารแปรรูปและอาหารนอกบ้านมากขึ้น ยังส่งผลให้เกิดความต้องการอาหารที่เกินกว่าศักยภาพการผลิตของประเทศ
  • ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม อินเดียเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงมาก คนรวยเพียงหยิบมือหนึ่งครอบครองทรัพย์สินส่วนใหญ่ของประเทศ ในขณะที่คนยากจนจำนวนมากยังคงต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ความเหลื่อมล้ำนี้ส่งผลให้คนยากจนไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการได้ แม้ว่ารัฐบาลจะมีโครงการแจกจ่ายอาหารให้กับผู้มีรายได้น้อย แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความหิวโหยได้อย่างทั่วถึง
  • ระบบโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานที่เปราะบาง ถนนหนทางที่ขรุขระและแออัด คลังสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และระบบการขนส่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรจำนวนมากเน่าเสียระหว่างทาง กว่าจะถึงมือผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น ข้าวสารที่เก็บเกี่ยวจากทุ่งนาในรัฐปัญจาบ อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการเดินทางไปยังตลาดในเมืองใหญ่ ส่งผลให้ข้าวบางส่วนเสื่อมคุณภาพ หรือแม้กระทั่งเน่าเสียจนไม่สามารถบริโภคได้ นอกจากนี้ การขาดแคลนห้องเย็นและเทคโนโลยีการเก็บรักษาที่เหมาะสมยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรไม่สามารถคงความสดใหม่ได้นานพอที่จะกระจายไปยังทุกพื้นที่ของประเทศ
  • ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง ภัยแล้ง น้ำท่วม และพายุ เป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังทำให้เกิดความผันผวนของฤดูกาล ส่งผลให้การเพาะปลูกทำได้ยากขึ้นและผลผลิตลดลง

การแก้ไขปัญหาความหิวโหยในอินเดียจึงไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน การส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน การลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้อินเดียก้าวข้ามปัญหาความหิวโหยและสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประชากรทุกคน

บทเรียนจากอินเดีย ความหิวโหยท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ และสิ่งที่ไทยควรเรียนรู้

อินเดีย ประเทศส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แต่คนในประเทศยังคง อดอยาก

ความสำเร็จของอินเดียในฐานะผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกในปี 2023 กลับถูกบดบังด้วยความจริงอันน่าเศร้าที่ว่า ประชากรจำนวนมากภายในประเทศยังคงเผชิญกับความหิวโหยและภาวะขาดสารอาหาร ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากการขาดแคลนผลผลิต แต่เป็นผลพวงจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อนและฝังรากลึกในสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่ประเทศไทยไม่ควรมองข้าม บทเรียนสำคัญสำหรับประเทศไทยที่เราควรรู้

  1. ไม่ประมาทความมั่นคงทางอาหาร แม้ว่าประเทศไทยจะมีความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตรและเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ แต่เราไม่ควรชะล่าใจกับสถานการณ์ความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยธรรมชาติ และความผันผวนของตลาดโลก ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตและราคาอาหารได้ การสร้างความมั่นคงทางอาหารในระยะยาวจึงต้องอาศัยการวางแผนและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
  2. พัฒนาระบบโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน ระบบโลจิสติกส์ที่ไม่มีประสิทธิภาพเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการกระจายอาหารไปยังผู้บริโภค การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง การพัฒนาระบบคลังสินค้าและห้องเย็น รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน จะช่วยลดความสูญเสียของผลผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายอาหาร
  3. ส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน การมุ่งเน้นการเพิ่มผลผลิตในระยะสั้นโดยใช้สารเคมีเกษตรและการทำเกษตรเชิงเดี่ยว อาจส่งผลเสียต่อคุณภาพดินและความหลากหลายทางชีวภาพในระยะยาว การส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน เช่น การทำเกษตรอินทรีย์ การใช้ปุ๋ยชีวภาพ และการปลูกพืชหมุนเวียน จะช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศและสร้างความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว
  4. ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ความเหลื่อมล้ำเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพและเพียงพอของประชากร การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การพัฒนาทักษะอาชีพ และการสร้างระบบสวัสดิการสังคมที่ครอบคลุม จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม
  5. เตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามต่อการผลิตอาหารทั่วโลก การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรที่ทนทานต่อสภาพอากาศ การปรับปรุงระบบชลประทาน และการส่งเสริมการทำประกันภัยพืชผล จะช่วยลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร

สำหรับปัญหาความหิวโหยในอินเดียเป็นบทเรียนสำคัญที่เตือนให้ประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาที่ยั่งยืน และความเป็นธรรมในสังคม การเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น และการนำบทเรียนเหล่านั้นมาปรับใช้ จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนและเป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีอาหารที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการ

 ที่มา globalhungerindextheglobalstatisticsundp.org, cnbceconomictimes, Usda และ orfonline

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT