Logo site Amarintv 34HD
Logo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
โดนกระทำ ซ้ำเลือกจะเงียบ ผู้หญิงทุกชาติ-ศาสนา-สถานะเผชิญความรุนแรง
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

โดนกระทำ ซ้ำเลือกจะเงียบ ผู้หญิงทุกชาติ-ศาสนา-สถานะเผชิญความรุนแรง

25 พ.ย. 68
11:28 น.
แชร์

“ความรุนแรงต่อผู้หญิง” คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้วทุกพื้นที่ในโลก ไม่ว่าจะในระบบเศรษฐกิจแบบไหน ระบบการปกครองแบบใด ข้ามเส้นพรมแดน และไม่แบ่งศาสนา เป็นความสามัคคีที่โลกมอบให้ผู้หญิงไม่งดเว้น

แม้หนึ่งปีจะมีวันต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิงสากลเพียงหนึ่งวัน (25 พฤศจิกายน 2568-International Day for the Elimination of Violence against Women) Spotlight ขอยืนหยัดต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิง และการพรากสิทธิในการมีชีวิต ในเนื้อตัวร่างกาย และการไม่ถูกเลือกปฏิบัติทุก ๆ วัน นอกจากนี้ ทีมข่าว Spotlight ขอชวนมาดูข้อมูลพื้นฐาน เพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของผู้หญิงที่ถูกทำร้ายทั่วโลก ในบทบาทที่ต่างกัน

ผู้หญิงในรัฐสภา

รัฐสภาเป็นพื้นที่ที่เราคุ้นตาว่ามีผู้ชายจำนวนมาก หลายประเทศมีตัวแทนผู้หญิงน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด และตัวแทนเพศหลากหลายหลายประเทศไม่เคยมีปรากฎ ดังนั้นพื้นที่ที่มีความเป็นชายเข้มข้น จึงอาจมีความเสี่ยง “เลือกปฏิบัติต่อเพศอื่น” ตามมา

ในงานวิจัยของ CPA Parliamentary Academy เดือนมีนาคม 2025 พบว่า ผู้หญิงที่ทำงานในรัฐสภาในเขตการวิจัยของ CPA (ภูมิภาคเอเชีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และแปซิฟิก) 60% เคยถูกถ้อยคำแสดงความเกลียดชัง ข้อมูลเท็จ การล่วงละเมิดด้วยภาพ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่พึงประสงค์ทางออนไลน์ ผู้มีความเสี่ยงมากมักเป็นผู้หญิงอายุต่ำกว่า 40 ปี, ผู้หญิงจากชนกลุ่มน้อย, และผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน

และเมื่อความรุนแรงปะทุขึ้นถึงขั้นเป็นความรุนแรงด้านกายภาพ รายงานจากสหภาพรัฐสภา (Inter-Parliamentary Union - IPU) ชี้ว่า ผู้หญิงในรัฐสภาเอเชียแปซิฟิกกว่า 13% เคยถูกทำร้ายทางกาย 23% ในแอฟริกา และ 15% ในยุโรป ผู้หญิงเหล่านี้ถูกตบ ผลัก ตี ทำร้าย หรือถูกขว้างปาสิ่งของใส่ และการถูกข่มขู่ว่าจะใช้อาวุธ ที่น่าตกใจคือ กว่า 40% ของกรณีที่ผู้ตอบแบบสำรวจในแอฟริการายงานว่าเกิดขึ้นในพื้นที่รัฐสภาเอง

ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือเหตุการณ์ที่ยูกันดา 21 เมษายนปี 2566 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายนางซูซาน มูกาบี (Susan Mugabi) ผู้ดำรงตำแหน่งสส. ฝ่ายค้าน ณ ขณะนั้น เธอถูกทำร้ายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรุนแรง จนต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลระหว่างจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองวันสตรีสากลประจำปี และก่อนหน้ากรณีของเธอ มีสส.หญิงยูกันดาถูกทำร้ายแล้ว 2 คนในเวลาไม่ห่างกันนัก

ประชาชนในภาวะสงคราม

สงครามและความรุนแรงปะทุขึ้นทั่วโลกราวกับว่าเรายังมีปัญหาให้จัดการกันไม่พออย่างนั้น และการปะทะกันระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ทำให้เกิดวิกฤตตามมามากมาย แน่นอนความรุนแรงต่อผู้หญิงคือหนึ่งในนั้น

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยจัดกิจกรรมวันต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิงสากล ทบทวนความรุนแรงที่มีต่อผู้หญิงในสถานการณ์ความไม่สงบ มีคุณโอริต ซูริตซีอานู ประธานสมาคมศูนย์วิกฤตจากการถูกข่มขืน ประเทศอิสราเอล ชี้ถึงความรุนแรงทางเพศที่เกิดต่อผู้หญิงในการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธฮามาสที่งานเทศกาลดนตรี NOVA Festival ที่พบหลักฐานการข่มขืน และคุกคามทางเพศหลายกรณี และมีการคุกคามลักษณะดังกล่าวต่อผู้ชายด้วยเช่นกัน

ประเด็นที่คุณซูริตซีอานูยกขึ้นมาคือ ความรู้สึกผิดเมื่อต้องเล่าเรื่องส่วนตัว อย่างการถูกคุกคามทางเพศ ในขณะที่ชาติกำลังวุ่นวายด้วยเรื่องอื่นที่สังคมมองว่าส่งผลต่อความมั่นคง ทำให้เหยื่อบางรายอดทน ไม่แจ้งความและไม่เข้ารับการรักษาสภาพจิตใจ 

และสงครามทำร้ายคนอย่างไม่เลือกข้าง ไม่ใช่หมายถึงรัฐบาล หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่ความโหดร้ายทารุณโจมตีทุกฝ่ายไม่เลือกหน้า อีกด้านของสงครามผู้หญิงชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก กว่า 1 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และเพราะสถานการณ์สงครามที่บีบคั้น การขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม บริการทางการแพทย์ ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากถูกทำร้าย เป็นเหตุผล 40% ของการทำร้ายผู้หญิงระหว่างสงครามในฉนวนกาซาตามรายงานของ UNFPA ปี 2024 ที่สำรวจประสบการณ์ของผู้หญิง 500 คนในฉนวนกาซา

ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 93.8% ชี้ว่า เคยถูกทำร้ายในรูปแบบต่าง ๆ ระหว่างสงคราม กว่า 90% ชี้ว่าความรุนแรงมีมากขึ้นในภาวะสงคราม 42.4% พบความรุนแรงซ้ำไปซ้ำมา โดยพวกเธอกว่า 39.9% ชี้ว่าเผชิญความรุงแรงทางกาย ส่วนสาเหตุที่พบบ่อยได้แก่ การระบายความกดดัน สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ การพลัดถิ่นซ้ำๆ และการแยกจากครอบครัวเป็นต้น

ความรุนแรงหลังรั้วบ้าน 

ผู้หญิงถูกทำร้ายเพราะความกดดันจากสถานการณ์ภายนอกไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในฉนวนกาซา หรือใกล้สนามรบที่ไหน แต่หลังรั้วบ้านธรรมดาทั่วไป สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นมากไม่แพ้กัน 

อ้างอิงตามข้อมูลของ Eurostat เกี่ยวกับ EU Gender-Based Violence Survey ผู้หญิงในประเทศสหภาพยุโรปมากถึง 1 ใน 5 เคยเผชิญความรุนแรงภายในบ้าน จากญาติ สมาชิกครอบครัว หรือคนรัก โดยมีทั้งความรุนแรงทางร่างกาย และทางเพศ และผู้หญิงกว่า 31.8% ถูกทำรายทางกายหรือทางเพศจากคนรักอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต

และการทำร้ายผู้หญิงดูเหมือนจะเป็น “การระบายความกดดัน” ทางหนึ่งอีกเหมือนกัน รายงาน Determinants of Intimate Partner Violence in Europe ที่เผยแพร่บน National Library of Medicine ชี้ว่า คู่รักที่มีรายได้ต่ำ หรือปัญหาทางเศรษฐกิจมักมีความถี่ของความรุนแรงระหว่างคู่รักมากกว่า และยังมีความเสี่ยงอื่น เช่น หากผู้หญิงมีอำนาจตัดสินใจเรื่องรายได้ได้น้อย ก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะถูกทำร้ายจากคู่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ยังมีปัจจัยด้านอื่นอีกที่เพิ่มความเสี่ยงความรุนแรงในครอบครัว/ ระหว่างคู่ ซึ่งรายงานยกตัวอย่าง ที่เกี่ยวกับคู่อาทิ พฤติกรรมการใช้สุรา การใช้สารเสพติด พฤติกรรมรุนแรง ชอบควบคุม หรือเกี่ยวกับตัวเหยื่อ เข่น เคยเผชิญความรุนแรงในวัยเด็กก็อาจเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น การไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องสำคัญ อย่างการเงิน และยังมีปัจจัยด้านสังคม เช่นผู้ชายควรเป็นผู้ควบคุม อำนาจที่มีสมดุล ต้นทุนทางเศรษฐกิจ มีการตีตราทางสังคมและการขาดการรับรู้เรื่องการให้บริการแก่เหยื่อ ที่ทำให้กรณีเหล่านี้ไม่ถูกรายงานเท่าที่ควร

ไม่ใช่แค่ผู้หญิงในรัฐสภา หญิงที่มีคู่ หรือผู้หญิงในเหตุการณ์ความขัดแย้งเท่านั้นที่เผชิญความรุนแรงเหล่านี้ แต่ผู้หญิงในแทบทุกวิชาชีพ ชนชั้น เชื้อชาติ อายุล้วนเผชิญความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ หากเรายกเอาตัวเลขของสหภาพยุโรปเป็นกรณีศึกษา จะพบการประมาณการณ์ว่า ผู้หญิงเพียง 1 ใน 8 เท่านั้นที่รายงานการถูกกระทำความรุนแรงรูปแบบต่าง ๆ แก่เจ้าหน้าที่ ทำให้ตัวเลขในรายงานเป็นเพียงเศษเสี้ยวความรุนแรงที่เกิดขึ้นจริงในสังคม โดยปัญหาความรุนแรงเหล่านี้ล้วนหยั่งรากลึก

ฟื้นฟูหลังเกิดความรุนแรง

ในขณะที่การต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิงเป็นหัวข้อสำคัญ การฟื้นฟูผู้เสียหายหลังผ่านความรุนแรงก็สำคัญไม่น้อยหน้า ซึ่งเป็นหัวข้อที่ดร.เมทินี พงษ์เวช เลขาธิการสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ พูดถึงในงานเสวนาพิเศษเนื่องในวันต่อต้านความรุนแรงต่อสตรีโดยสถานทูตฯ อิสราเอล

เธอเล่าว่า มีบริการบ้านพักฉุกเฉินที่เปิดให้ผู้เสียหายจากความรุนแรงทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว ผู้ท้องไม่พร้อม เข้ามารับความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีค่าใช้จ่าย และยังมีบ้านเด็กสำหรับเด็กอายุ 2-6 ปี และศูนย์เลี้ยงเด็กอ่อน

บ้านพักฉุกเฉินมีบริการการฟื้นฟูทั้งด้านการแพทย์ สังคมสงเคราะห์ กระบวนการยุติธรรม มีส่วนงานสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ ให้บริการด้านการศึกษา และเสริมสร้างศักยภาพอีกด้วย อย่างไรก็ตามดร.เมทินีกล่าวถึงความท้าทายข้อหนึ่ง คือการเร่งรีบกลับบ้านไปใช้ชีวิตเดิม โดยที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูเต็มที่ ซึ่งสาเหตุอาจมีตั้งแต่ความจำเป็นในการหาเลี้ยงครอบครัว ดูแลบุตร กระทั่งการให้โอกาสคนรักเก่าอีกครั้ง ซึ่งอยู่นอกขอบเขตของบ้านพักฉุกเฉิน เพราะเป็นการตัดสินใจของตัวผู้พักพิงเอง

อีกแนวทางในการฟื้นฟูหลังได้รับความรุนแรงคือ การใช้ศิลปะบำบัด ซึ่งเป็นหัวข้อที่ศาสตราจารย์ ดร.บุษกร บิณฑสันต์ คณะศิลปกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าถึงแนวทางการใช้ expressive art เยียวยาโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญจากภายใน

เพราะประสบการณ์บางอย่างสร้างความเสียหายอย่างที่ไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้ การใช้ศิลปะ เช่น การวาดรูป เป็นเครื่องมือที่ผู้เชี่ยวชาญจะใช้วิเคราะห์ผู้รอดชีวิต expressive art มีการใช้ศิลปะหลายแขนง ระบายสี เต้น ดนตรี การเขียน เป็นต้น


แชร์
โดนกระทำ ซ้ำเลือกจะเงียบ ผู้หญิงทุกชาติ-ศาสนา-สถานะเผชิญความรุนแรง