“ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดการระบาดของโควิด-19 ฉันเกือบจะสูญเสียสามีไป ตอนนั้นยอมรับว่าต้องถอยหลังกลับมาตั้งหลักจริง ๆ ค่ะ และ 2 ปีหลังจากนั้น คุณแม่ของฉันก็ยังมาตรวจพบโรคมะเร็งอีก ฉันถามตัวเองว่า จะดูแลบริษัทได้อย่างไร ในขณะที่ต้องกลับบ้านไปดูแลครอบครัว แต่เพื่อนแท้ที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อน กลับเป็นคนที่มาดูแลลูก ๆ ในขณะที่พวกเราต้องไปโรงพยาบาล พนักงานบริษัทของฉันลุกขึ้นมาดูแลบริษัทให้อย่างเต็มที่ ทำให้ฉันยังพยุงกิจการไว้ได้ แม้จะเข้าบริษัทน้อยมากในช่วงนั้น”
คุณวีเบคกา ริสซอน ไรเวอร์ก ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย แบ่งปันเรื่องราวในฐานะนักธุรกิจชาวนอร์เวย์ที่ใช้ชีวิตในเมืองไทยมานานกว่า 25 ปี ครั้งหนึ่งเธอเคยเจอวิกฤตชีวิตครอบครัวครั้งใหญ่ จนกระทบกับกิจการ แต่ก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ เพราะปรับองค์กรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ดูแลพนักงานและครอบครัวของพวกเขามาก่อนหน้านี้หลายปี จนวันหนึ่ง เธอและบริษัทของเธอจึงได้รับการดูแลตอบแทน เมื่อประสบปัญหา สะท้อนกิจการที่อยู่ได้ยั่งยืนอย่างแท้จริง
นี่คือหนึ่งในเรื่องเล่ากินใจจากเวทีเสวนา “ชีวิตยั่งยืนโดยชาวต่างชาติในไทย: การปรับตัว… เพื่อโลกที่ดีกว่า” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SUSTAINABILITY EXPO 2025 (SX2025) มหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน พร้อมกันนี้ ยังได้รับเกียรติจาก คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจพอเพียงฯ หอการค้าไทย และคุณเลสเตอร์ คู ผู้อำนวยการองค์กรสัมพันธ์ต่างประเทศ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) มาร่วมเปิดมุมมองที่น่าสนใจในเวทีนี้ด้วย
คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจพอเพียงฯ หอการค้าไทย กล่าวว่า หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่ประเด็นที่เราถูกบังคับให้ขับเคลื่อน แต่มาจากสิ่งที่เราเชื่อมั่น สำหรับหอการค้าไทย ริเริ่มน้อมนำหลักปรัชญาดังกล่าวมาเป็นแนวทาง ตั้งแต่ดร.อาชว์ เตาลานนท์ ดำรงตำแหน่งประธานหอการค้า ท่านเคยกล่าวไว้ว่า หลักปรัชญานี้ นับเป็นพรและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานให้แก่พสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่า
ในตอนแรกทุกธุรกิจอยากก้าวมาเป็นเบอร์หนึ่งในตลาด อยากจะทำกำไรได้มาก ๆ แต่ปัจจุบันนี้ เป้าหมายของธุรกิจเปลี่ยนไปแล้ว เราล้วนอยากเติบโตอย่างยั่งยืน หอการค้าไทยเชื่อว่า การน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ นับเป็นการสร้างความตระหนักรู้ภายในองค์กร เพื่อเป็นขั้นตอนและแนวทางให้กับทุกธุรกิจ ในโอกาสนี้ หอการค้าไทยจึงอยากแบ่งปันตัวอย่างการปรับใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ของชาวต่างชาติต้นแบบ ที่เป็นทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริหารในองค์กร และอาศัยอยู่ในประเทศไทย ผ่านผู้ร่วมเสวนาทั้ง 2 ท่าน
นอกจากบทบาทประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทยแล้ว คุณวีเบคกา ริสซอน ไรเวอร์ก ยังเป็นผู้ก่อตั้ง Felicia Design บริษัทออกแบบและผลิตเครื่องประดับครบวงจร ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทย เธอเปิดเผยว่า ภูมิหลังของเธอนั้น เติบโตมาในภูมิภาคออส ของนอร์เวย์ ซึ่งมีประชากรอยู่เพียง 5,000 คนเท่านั้น นับว่าแตกต่างกันมากเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบันนี้ ที่เธอย้ายมายังกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีประชากรราว 8 - 10 ล้านชีวิต
อย่างไรก็ตาม เธอก็สามารถมองเห็นจุดร่วมของเมืองทั้งสองแห่งนี้ โดยเฉพาะบทบาทของกษัตริย์และราชวงศ์ที่มองประชาชนด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอยู่เสมอ เมื่อย้อนกลับไปในตอนที่เธอยังอายุ 13 ปี เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้รับเสด็จสมเด็จพระราชาธิบดีโอลาฟที่ 5 แห่งนอร์เวย์ แม้บ้านเกิดของเธอจะเป็นแค่เมืองเล็ก ๆ เช่นเดียวกับภาพที่เธอเห็นบ่อยครั้งเมื่อมาอยู่ประเทศไทย คือพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ซึ่งพระองค์เสด็จเยี่ยมราษฎรแม้ในถิ่นทุรกันดาร
สำหรับชาวต่างชาติอย่างเธอ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือการสร้างความสมดุลชีวิต การให้ความสำคัญกับครอบครัว และการตระหนักรู้ในตัวเอง เธอจึงอยากจะนำหลักการนี้มาปรับใช้และส่งต่อแนวคิดในครอบครัวด้วย ลูกสาวทั้งสองคนของเธอเป็นอาสาสมัครที่ช่วยกันส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ที่ยากไร้ รวมไปถึงสนับสนุนการศึกษาแก่เด็ก ๆ ชาวมุสมลิมในโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกลจากชุมชนของเธอ
คุณเลสเตอร์ คู คือชาวต่างชาติอีกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศถึงสองช่วง ตั้งแต่ปี 2003 - 2012 และอีกครั้งในปี 2021 จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังมีภรรยาคนไทย จึงทำให้เขาเข้าใจแนวคิดตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ เพราะสังเกตเห็นและค่อย ๆ ซึมซับผ่านความคิดและวิถีชีวิตของภรรยามาหลายปี
ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด เขาเป็นอีกคนที่นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ แม้ครอบครัวจะมีรายได้พอที่ทำให้ฝ่าปัญหาไปได้ แต่เขานำหลัก ‘การประมาณตน’ มาใช้ ตัดสินใจขายทรัพย์สินมูลค่าสูงที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้ตนเองและครอบครัว
สำหรับบทบาทการทำงานในฐานะผู้อำนวยการองค์กรสัมพันธ์ต่างประเทศ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) คุณเลสเตอร์ก็นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้เช่นกัน และเป็นแนวคิดที่บริษัทยึดถือไว้ตั้งแต่ต้น เนื่องจากเจริญโภคภัณฑ์ฯ วางตัวเป็น “ครัวยั่งยืนของโลก” ที่มีการลงทุนใน 17 ประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคราว 4,000 ล้านคนทั่วโลก
ดังนั้น บริษัทจึงต้องดำเนินการภายใต้หลักความรับผิดชอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การปกป้องสภาพภูมิอากาศของโลก การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน และ การรับประกันด้านความมั่คงทางอาหาร
คุณวีเบคกา ริสซอน ไรเวอร์ก นำหลักการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงขององค์กรครั้งใหญ่ เธอเล่าว่า เมื่อ 30 ปีก่อน เธอก่อตั้งบริษัทด้วยโต๊ะทำงานเพียง 2 ตัวเท่านั้น แต่ในปี 2009 บริษัท Felicia Design ได้รับความไว้วางใจจากคู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งจะต้องขยายกำลังการผลิตจากอัญมณี 15,000 ต่อเดือน เป็น 15,000 ชิ้นต่อวัน และจำเป็นต้องปรับโครงสร้างองค์กรให้คำนึงถึงความยั่งยืนมากขึ้น
บริษัทได้ใช้หลัก SEP for SDGs กล่าวคือ SEP (Sufficiency Economy Philosophy) หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวคิดในการดำเนินชีวิตและการพัฒนาที่เน้นความพอดี ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ตระหนี่ และมีการพัฒนาที่สมดุลทั้ง 4 มิติ คือ สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ผสานกับ SDGs (Sustainable Development Goals) คือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 เป้าหมาย ที่ประเทศสมาชิกสหประชาชาติร่วมกันกำหนดขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของโลกให้บรรลุภายในปี ค.ศ. 2030
ท้ายที่สุดจึงกลายมาเป็นความรับผิดชอบต่อคุณภาพสินค้า ที่อัญมณีทุกชิ้นจะได้รับการดูแลอย่างดี ก่อนจะส่งมอบถึงมือลูกค้า ตลอดจนสวัสดิการที่ดูแลทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรและกระจายความมั่นคงไปถึงครอบครัวของพวกเขาด้วย
คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร กล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อได้ฟังประสบการณ์และร่วมงานกับชาวต่างชาติทั้งสองท่านแล้ว รู้สึกว่าเป็นต้นแบบที่ดีให้ทั้งคนไทยเองและชาวต่างชาติ
“พวกเขายังเชื่อมั่นในประเทศไทย แม้จะเกิดในประเทศอื่น แล้วเราที่เป็นคนไทยจะไม่เชื่อมั่นในประเทศของเราได้อย่างไร เรามีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ดี คอยเตือนสติเรา ให้เราสามารถก้าวข้ามปัญหาและวิกฤตต่อไปได้ พี่น้องหอการค้า เชื่อมั่นในคนไทย และเชื่อมั่นในประเทศไทยค่ะ”