คิดใหม่! ทำใหม่! เวียตเจ็ทไทยแลนด์และบริษัทพราว เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) มุ่งท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เพื่อส่งต่อโลกดีๆ ให้กับคนรุ่นต่อไป
คุณวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เวียตเจ็ทไทยแลนด์ เผยว่า ธุรกิจการบินเป็นธุรกิจที่มีความแอคทีฟมากที่สุดในเรื่องของการจัดการเรื่องคาร์บอนในอนาคต ส่วนหนึ่งเพราะว่ามีมาตรการขององค์กรการบินระหว่างประเทศ และแนวคิดที่จะเริ่มมีการเก็บภาษีคาร์บอน ซึ่งจะได้รับผลกระทบต่อสายการบิน และตั้งเป้าที่จะ Net Zero ภายในปี 2050 สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์มีการเก็บข้อมูลการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง การปล่อยคาร์บอนไซด์การบินต่างๆ ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา
ปีที่ผ่านมาสายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์นำเงินจากกองทุน Fly Green Fund มาร่วมมือกับมูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อทำการปลูกป่าชายเลน โดยมีเป้าหมายคือปลูกป่าชายเลนให้ได้ 100,000 ต้นต่อปี หรือว่า 500,000 ต้นภายใน 5 ปี ซึ่งป่าชายเลนมีความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนได้เกือบ 2 เท่าของป่าทั่วไป แต่งบประมาณในการปลูกค่อนข้างเยอะกว่าป่าธรรมดา และดูแลรักษาค่อนข้างยาก การปลูกป่าชายเลน 100 ต้น มีโอกาสรอดประมาณ 30 ต้น เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้งบประมาณให้สามารถอยู่ในสภาพที่ดีตลอดเวลา ซึ่งเป้าหมายของป่าชายเลน 500,000 ต้น จะใช้พื้นที่ประมาณ 1,500 ไร่ สายการบินของเราจะจะร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนาในการทยอยปลูกต่อไป พร้อมกำหนดเป้าหมายในการลดคาร์บอนได้ประมาณ 300,000 ตัน ภายใน 5 ปี
นอกจากโครงการปลูกป่าชายเลนแล้ว สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ยังมีอีกหลายโครงการไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกรีนโอเปอเรชั่น โครงการ Garbage Hunter ที่เก็บขยะรวมกว่า 5,300 กิโลกรัม รวมถึงการจัดกิจกรรมการกุศลต่างๆ เช่น คอนเสิร์ตที่บริจาครายได้ทั้งหมดเพื่อสาธารณะประโยชน์ และงานวิ่งการกุศลที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,500 คน เพื่อสนับสนุนกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญอย่างยิ่งคือการที่เวียตเจ็ทไทยแลนด์ยังเดินหน้าสู่ความยั่งยืนด้วยการนำเครื่องบิน โบอิ้ง 737-8 รุ่นใหม่ เข้ามาใช้งาน ซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 16 % แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสายการบินในการเป็นผู้นำด้านการบินที่ยั่งยืนของประเทศไทย
นอกจากเรื่องของเวลา เส้นทางบิน และราคา ที่ลูกค้าให้ความสำคัญ สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ยังตระหนักว่าไม่ใช่เฉพาะคน GenZ เท่านั้นที่คาดหวังให้ทุกองค์กรมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แต่ทุกคนบนโลกล้วนคาดหวังและพร้อมจะสนับสนุนสายการบินที่แสดงให้เห็นว่ามีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เริ่มตั้งแต่บนเครื่องบิน มีการปรับเปลี่ยนวัสดุที่ใช้บนเครื่องบิน ช้อนส้อมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้ บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดเป็นกระดาษที่สามารถรีไซเคิลได้ ซึ่งตั้งเป้าว่าจะลดการใช้พลาสติกบนเครื่องบินที่เป็นแบบใช้แล้วทิ้งลงให้เหลือแค่ 5% ภายในสิ้นปี 2026
สายการบินเวียตเจ็ทแอร์ยังริเริ่มใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ซึ่งผ่านกระบวนการผลิตโดยการใช้น้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว (UCO) เช่น น้ำมันกล้วยแขก น้ำมันทอดไก่ทอด เอามารีไซเคิลเข้ากระบวนการผลิตใหม่แล้วมาแปลงเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงในการเติมเครื่องบินโดยไม่จำเป็นต้องปรับแต่งเครื่องยนต์ จริงๆ แล้ว คาร์บอนที่ปล่อยมาจาก SAF ไม่ได้ไม่ได้น้อยกว่าในการเผาไหม้ ไม่ได้น้อยกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป แต่ว่าคาร์บอนที่อยู่ในกระบวนการผลิต หรือที่เรียกว่ากระบวนการ Life Cycle มันลดลง ซึ่งน้ำมันฟอสซิลที่ผลิตขึ้นมานั้น เทียบแล้วใช้พลังงานเยอะมากในการขุดในการเจาะ
การมุ่งสู่ความยั่งยืนเป็นหน้าที่ของทุกคน ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่จุดเล็กจุดน้อย เช่น การใช้พลังงานให้น้อยลง ลดปริมาณขยะ แยกขยะ ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆ วันนี้มีภาคธุรกิจ ภาคเอกชนต่างๆ เริ่มลงทุนเพื่อความยั่งยืนแล้ว สิ่งที่อาจจะขอฝากภาครัฐคือ การสนับสนุนภาคเอกชน เพื่อก้าวไปสู่ความยั่งยืนด้วยกัน
คุณพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริการกลุ่มบริษัทพราว และบริษัทพราว เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยว่า หัวข้อที่เราคุยกันวันนี้คือเรื่องของ เน็กซ์เจน ตนไม่อยากจะใช้คำว่าคนรุ่นใหม่ เพราะว่าทุกคนก็สามารถเป็นคนรุ่นใหม่ได้ แต่ว่าใช้คำว่ายุคคนปัจจุบัน ตัวเลขจาก Travel + Leisure ระบุว่า 73% ของคน GenZ หรือมิลเลนเนียลที่เดินทาง เขาต้องการการท่องเที่ยวที่โปร่งใส การท่องเที่ยวสรเขียวแบบยั่งยืน แต่ไม่ใช่ความยั่งยืนแบบ "ฟอกเขียว" คอนเทนต์หรือกิจกรรมที่ทำออกมาจะต้องมีความจริงใจ จะต้องมีความตั้งใจจะทำจริงๆ เพราะลูกค้าจะมองเห็นหมด คน GenZ ณ วันนี้เขาไม่ได้มาตั้งคำถามว่า การท่องเที่ยวควรจะทำแบบยั่งยืนหรือไม่ แต่เขาจะบอกเลยว่า ทำไมการท่องเที่ยวถึงยังไม่ยั่งยืน บางเรื่องเป็นเรื่องที่เขาถามตรงๆ เช่น ทำไมที่นี่ถึงเปิดแอร์เย็นเกินไป ทำไมที่นี่ถึงเลือกใช้พลาสติกใช้แล้วทิ้งครั้งเดียว
บริษัทของเราเป็นประเภทอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่อยู่อาศัยและโรงแรม ทางบริษัทให้ความสำคัญเรื่องของความยั่งยืนภายใต้ชื่อ โปรเจคท์ Pineapple หรือ โครงการสับปะรด ซึ่งผลไม้พื้นเมืองของประเทศไทย ปลูกได้ทุกที่ นอกจากนำมารับประทานแล้วยังสามารถเอาไปทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย ด้วยเพราะตระหนักว่าภาคอุตสาหกรรมบริการซึ่งครอบคลุม ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งที่มีความอ่อนไหว จำเป็นต้องดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อความยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจ ชุมชน และสังคม
โปรเจคท์ Pineapple คือโครงการบริหารทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน ด้วยแนวคิด “Net Zero Waste. No Single-Use Plastic & Green Energy” มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด รวมถึงผลักดันการมีส่วนร่วมของทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการสร้างแรงบันดาลใจ สร้างการรับรู้ และสร้างแม่แบบ (Blueprint) การจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพและการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง และพร้อมส่งมอบอนาคตสีเขียวให้แก่คนรุ่นต่อไป
โครงการ Project Pineapple by Proud Group ประกอบด้วย การสร้างความตระหนักรู้ และส่งเสริมวัฒนธรรมความยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วน ผ่านการเรียนรู้ ทำเวิร์กชอป และการมีส่วนร่วม ทำหน้าที่เป็นห้องเรียนรู้จริงและสร้างแรงบันดาลใจเพื่อความยั่งยืน การดำเนินกลยุทธ์การจัดการขยะอย่างครอบคลุม รวมถึงการลดพลาสติกใช้ครั้งเดียว การรีไซเคิล และการสำรวจเทคโนโลยีการแปลงขยะเป็นพลังงานที่สร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมาย "ขยะเป็นศูนย์" (Zero Waste) ภายในปี 2030 การสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น ช่างฝีมือ และความพยายามในการอนุรักษ์ พร้อมทำงานร่วมกับผู้นำชุมชนเพื่อจัดการกับความต้องการและลำดับความสำคัญของชุมชนโดยรอบ และสร้างความร่วมมือในระยะยาวเพื่อการเติบโตไปพร้อมๆ กัน การอนุรักษ์เต่าทะเล ผ่านการปกป้องที่อยู่อาศัย มีการติดตาม และความร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นและระดับนานาชาติ การใช้พลังงานทดแทน เป็นหลักสำคัญของกลยุทธ์ความยั่งยืน โดยลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และแหล่งพลังงานทดแทนอื่นๆ โดยมุ่งหวังที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2040 และสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมการบริการ
นอกจากนี้ บริษัทพราว ยังพยายามนำศิลปินท้องถิ่น รวมไปถึงศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงดังระดับโลก มาพัฒนางานอาร์ตและให้มันมีส่วนร่วมกับชุมชนในทุกๆ ที่ที่โครงการของเราตั้งอยู่ มันเป็นวัฒนธรรมที่มีความสำคัญที่ความยั่งยืนไม่ใช่แค่เรื่องลดโลกร้อนอย่างเดียว ถ้าเราย้อนกลับไปดูกรอบยูเอ็นเอสบีจี 17 มันมีเรื่องของการศึกษา ศิลปะ เมืองสีเขียว วัฒนธรรม เป็นเรื่องที่นำออกมาแสดงได้ทำให้เป็นเรื่องการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เป็นซอฟต์พาวเวอร์ เป็นศิลปะที่จับต้องได้ ให้คนรู้สึกสุนทรีย์ไปกับมัน
อีกหนึ่งโครงการที่บริษัทภูมิใจคือ โครงการรีสตาร์ทเซ็นเตอร์ เราเข้าไปหาเรือนจำ เลือกผู้ต้องขังที่กำลังจะพ้นโทษ ผู้ต้องขังชั้นดี แล้วหยิบยื่นโอกาสในการเทรนนิ่งให้กับเขา ซึ่งมีตั้งแต่งานใช้ฝีมือ เราช่วยแก้ปัญหาให้เขามีโอกาส ไม่ต้องกลับไปสู่วงจรไม่ดีเหมือนเดิมอีก ปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่พ้นโทษออกมาทำงานในโปรเจกต์ที่บริษัทดำเนินการอยู่
คุณพสุ เผยปิดท้ายว่า การพัฒนารีสอร์ท การพัฒนาโรงแรม การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท สามารถทำได้จริงโดยที่ไม่ใช่แค่เรื่อง CSR แต่เป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่ทำยังไงให้เราสามารถที่จะโตขึ้นไปด้วยกันได้ เพราะผมเชื่อว่าจุดหมายปลายทางที่แท้จริงมันไม่ใช่แค่การมาเยือน แต่มันจะต้องตอบโจทย์ในเรื่องของธรรมชาติ ในเรื่องของวัฒนธรรมให้เติบโตไปอย่างยั่งยืนพร้อม ๆ กัน