Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
นายกฯกล่าวปาฐกถา ไทยต้องยั่งยืน 3 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

นายกฯกล่าวปาฐกถา ไทยต้องยั่งยืน 3 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม

3 ต.ค. 68
12:03 น.
แชร์

“แม้รัฐบาลนี้จะมีเวลา 4 เดือน แต่จะวางรากฐานความยั่งยืนของประเทศไทย” คือใจความสำคัญที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวปาฐกถา “ยกระดับอุตสาหกรรม-การค้า-การลงทุนสู่ความยั่งยืน” เปิดงานสัมมนา “A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry” 

งานสัมมนา “A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry” เป็นส่วนหนึ่งในงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) จัดโดย ‘กรุงเทพธุรกิจ’ และ ‘Sustainability Expo’ ในวันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม 2568 ณ เพลนารีฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวปาฐกถาเปิดงาน โดยมี ฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานอำนวยการจัดงาน Sustainability Expo และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด และฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป ให้การต้อนรับให้การต้อนรับ

นายกฯชี้ไทยต้องยั่งยืน 3 มิติ 

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เราในยุคที่ได้ยินคำว่า ‘sustainability’ หรือ ‘ความยั่งยืน’ บ่อยครั้ง องค์การสหประชาชาติ (UN) ก็ใช้คำว่า SDG (Sustainability Development Goals) เป็นตัวผลักดันกติกาใหม่ของโลก แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เข้าใจความหมายเรื่อง SDG อย่างลึกซึ้ง ดังนั้น ต้องขอบคุณคณะผู้จัดการนี้ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่จะทำให้คำว่า sustainability เป็นคำที่จะอยู่ในอุดมคติที่เราจะต้องมอง ดำเนินการ และคิดให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งการดำเนินการนั้น จะคิดเป็นแบบ Quick Win เหมือนรัฐบาล 4 เดือนไม่ได้ ต้องคิดอย่างยั่งยืน

“รัฐบาลนี้อยู่ 4 เดือน ในมิติหนึ่งต้องทำสิ่งที่เป็น Quick Win แต่อีกมิติหนึ่งต้องมองการสร้างรากฐานให้เกิดความยั่งยืน เพื่อที่รัฐบาลต่อไปสามารถนำไปต่อยอดและดำเนินการต่อไปโดยที่ไม่ต้องล้มเลิก แล้วคิดเรื่องใหม่ๆ ขึ้นมา แล้วถูกรัฐบาลต่อไปล้มเลิกอีก ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจะทำให้คำว่าความยั่งยืนไม่มีความหมายใดๆ 

“งาน Sustainability Expo 2025 ในวันนี้จะทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ และความร่วมแรงร่วมใจในการสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในด้านการค้าและอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ประเทศไทยของเรากำลังยืนอยู่ในจุดเปลี่ยนที่สำคัญ โลกกำลังเผชิญความไม่แน่นอน ทั้งจากภัยสงคราม ภัยการค้า การแข่งขันทางเศรษฐกิจ และภัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

“คำถามคือเราจะพาประเทศไทยไปทางไหน ถ้าถามผม คำตอบชัดเจนว่าเราจะต้องพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน และผมเชื่อเหมือนท่านทั้งหลายว่า การพัฒนาประเทศไทยอย่างยังยืนของพวกเรา ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด ความหมายของคำว่ายั่งยืนสำหรับผมไม่ใช่แค่การดำเนินการเพื่อโลกเขียว สิ่งแวดล้อม ถึงแม้มีความสำคัญ แต่ถ้าทำแค่นั้นมันยังไม่ครบมิติ ความยั่งยืนคือการทำให้หลักสามหลักดำเนินไปด้วยกันด้วยความมั่นคง นั่นก็คือ เศรษฐกิจต้องมั่นคง สังคมต้องมั่นคง และสิ่งแวดล้อมต้องเป็นมิตรและมีความมั่นคง

พูดอย่างง่ายๆ ก็คือ เราต้องหาโอกาส ทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ดีมีสุข มีรายได้ มีเงินใช้ มีเงินออม และรักษาสังคม รักษาโลกที่ลูกหลานของเราจะอยู่ได้อย่างมีสุขภาวะที่ดี ถ้าเขาอยู่ได้ก็หมายความว่าเมื่อเราอายุมากขึ้นก็จะมีคนดูแลพวกเรา โดยที่เราจะไม่ถูกทอดทิ้ง และเราสามารถอยู่ในสภาวะของโลกที่เราช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่เป็นภาระของผู้อื่น มันมีหลายมิติที่กำลังบีบให้สังคมไทยต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เราอยู่รอดด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี ถ้าเรามีสุขภาพพื้นฐานที่ดี เราคงไม่ได้มีอายุแค่ 65-70 ปี แต่เราอาจจะอยู่ได้ถึง 90 ปีขึ้นไป แต่ในช่วงที่เราเกษียณแล้ว จาก 60-90 ปี เราต้องดูแลตัวเองได้”

นายกฯกล่าวอีกว่า หวังว่าต่อไปประเทศไทยจะมีการปรับอายุเกษียณเพิ่มเป็น 65 ปี เพราะคนเราอายุยืนขึ้น  หากไม่มีการขยายอายุเกษียณ คนที่เกษียณจะเป็นผู้พึ่งพิง จะรู้สึกเป็นภาระ และรู้สึกเหี่ยวเฉา ดังนั้น ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนรัฐบาลต้องหาเงินเพื่อดูแลประชาชนมากขึ้น โดยรัฐบาลต้องส่งเสริมให้คนไทยมีโอกาสประกอบธุรกิจ ทำให้ผู้ประกอบการทำการค้า หารายได้มากขึ้น เพื่อที่จะเก็บภาษีให้ได้มากขึ้น 

รัฐบาลสนับสนุนเต็มที่

ส่วนการหาโอกาสของประเทศไทยนั้น จะมองประเทศไทยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองหลายอย่าง ต้องมองภาพรวมทั้งอาเซียน และมองจุดเด่นของไทยที่เป็นทางผ่านเชื่อมตะวันตกและตะวันออก แต่ไทยจะเก็บแค่ค่าผ่านทางอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดึงให้คนและสินค้าที่ผ่านประเทศไทยเข้ามาใช้จ่ายและลงทุนในประเทศไทย ซึ่งไทยมีศักยภาพสูงสุดในอาเซียนที่จะทำได้ 

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องสงครามการค้าว่า ช่วงนี้มีสงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจ สถานการณ์ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ทำให้กฎทางการค้าซับซ้อนขึ้น ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความผันผวน รัฐบาลทุกประเทศออกมาตรการที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศของตนเอง และในหลายครั้งอาจจะเป็นโทษต่อประเทศผู้ค้าอื่นๆ ดังนั้น เราต้องปรับเปลี่ยน เมื่อสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของเรา สิ่งที่เราต้องคิดก็คือตลาดอื่นอยู่ที่ไหน เรามีตลาดรองรับไหม เรามีทางเลือกอื่นหรือไม่

และอีกทางหนึ่ง ไทยต้องมองจุดแข็งของการผลิตของเราเอง เมื่อประเทศคู่ค้ามีการกีดกันมากๆ ถ้าไทยเป็นผู้นำการผลิตสินค้านั้นๆ เราต้องเจรจาว่าถ้าประเทศเขาสูญเสียสินค้าของไทยไป คนในประเทศของเขาจะเดือดร้อน “ไม่ใช่ว่าเราต้องยอมขอทุกอย่าง” ซึ่งการเจรจาของรัฐบาลที่แล้วที่ลดภาษีลงมาได้ที่อัตรา 19% นั้นเป็นแนวทางที่ดี 

“อันนี้ต้องชื่นชมรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ที่ใช้เวลาอย่างมากในการดีเฟนด์ประเทศไทย” 

นายกฯกล่าวอีกว่า สหรัฐพยายามเข้ามาใกล้เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งไทยสามารถใช้ประเด็นนี้เจรจาได้ว่า สหรัฐฯจะลดอัตราภาษีนำเข้าให้ไทยได้หรือไม่เพื่อแลกกับการที่ไทยจะดำเนินตามคำแนะนำของสหรัฐฯ 

“รัฐบาลต้องใช้ทุกวิถีทางในการสร้างโอกาสให้เกิดขึ้นกับประเทศไทย เพื่อคนไทย เพื่ออุตสาหกรรมไทย เพื่อปากท้องของประชาชนคนไทยทุกคน สิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา” 

นอกจากนั้น นายกฯกล่าวว่า เรื่องการปรับตัวด้านต่างๆ ประเทศไทยได้ให้ความรู้กับสังคมมานานแล้วให้ทราบถึงความสำคัญกับสังคมสีเขียว ในส่วนการดำเนินการในภาคธุรกิจ-ภาคอุตสาหกรรม รัฐบาลไทยก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รัฐบาลชุดนี้จะวางรากฐานว่าให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น เรากำลังคิดเรื่องโซาลาร์ชุมชน โซลาร์มวลชน และจะพยายามส่งเสริมต่อไป 

“ผมจะใช้โอกาสที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสร้างรากฐานให้ได้ดีที่สุด ไม่ทำเยอะ แต่ทำอย่างพอเพียงให้ยั่งยืน จะปรับเปลี่ยนเพื่อให้การค้าและอุตสาหกรรมปรับตัวได้ จะรับฟัง และพร้อมที่จะสนับสนุนพวกท่านได้ดำเนินกิจการด้วยความมั่นคงยั่งยืนในทุกๆ มิติ ผู้ประกอบการไทยก็ต้องเชื่อว่าความยั่งยืนจะเป็นโอกาสที่จะเปิดตลาดใหม่ โอกาสที่จะเพิ่มรายได้ เป็นการสร้างโอกาสให้เรามีสิ่งแวดล้อมที่ดี รัฐบาลชุดนี้พร้อมที่จะสนับสนุนในทุกๆ มิติเพื่อให้ความยั่งยืนทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ เกิดขึ้นในประเทศของเราให้ได้” 

ฐาปนขอบคุณนายกฯเปิดงาน แสดงความมุ่งมั่นของไทย 

ด้าน ฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานอำนวยการจัดงาน Sustainability Expo และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวต้อนรับโดยขอบคุณ นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ให้เกียรติปาฐถาเปิดสัมมนา ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่ไปประเทศไทยจะได้แสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนไปสู่ความยั่งยืนในยุคที่โลกเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่  

“เราได้เห็นผลกระทบของวิกฤตสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ความเปราะบางของห่วงโซอุปทานระดับโลก สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่าการปปรับตัวไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นที่ทุกองค์กรต้องดำเนินการอย่างจริงจังและเร่งด่วน 

“ภาคอุตสาหกรรมในฐานะกลไกหลักของเศรษฐกิจไทยมีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตที่ปลอดคาร์บอน ต้องอาศัยการลงทุนในเทคโนโลยี การปรับปรุงการผลิต และการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ 

“การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนก็ต่อเมื่อเราสามารถสร้างระบบซัพพลายเชนที่แข็งแรง และมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นฟันเฟือองสำคัญของเศรษฐกิจไทยให้สามารถปรับตัวและเติบโตไปพร้อมกับแนวทางความยั่งยืน ช่วยให้ SME เข้าถึงองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม เข้าถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสม และมีโอกาสในการเชื่อมโยงกกับตลาดที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยยืน มิใช่เพียงแค่ความอยู่รอด แต่เพื่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพในระยะยาว 

การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมให้ตอบโจทย์ความยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐที่ต้องกำหนดนโยบายและแรงจูงใจที่ชัดเจน ภาคเอกชนที่ต้องลงทุน และภาคประชาสังคมที่ต้องร่วมสนับสนุน ผมขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นพลังแห่งความเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างอนาคตที่ยืนให้กับประเทศไทยและโลกใบนี้ เพราะการปรับตัวไม่ใช่แค่การตอบสนองต่อวิกฤติ แต่เป็นโอกาสในการสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานอำนวยการจัดงาน Sustainability Expo และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าว 

แชร์
นายกฯกล่าวปาฐกถา ไทยต้องยั่งยืน 3 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม