รู้หรือไม่ว่าสัตว์หลายชนิดมีร่างกายที่แสนมหัศจรรย์ และมีความสามารถในการปรับตัวอย่างน่าทึ่ง เพื่อให้ตัวมันอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่ยากต่อการดำรงชีวิต ทั้งหนาวจัดและร้อนจัด รวมถึงปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติในแต่ละฤดูกาล และการปรับตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นผลจากภาวะโลกร้อนที่กำลังยกระดับเป็นโลกเดือด
การปรับตัวของสัตว์นั้นมี 3 แบบ แบบที่ 1 คือ การปรับตัวภายนอก (Structural Adaptation) เช่น รูปร่าง สีผิว เพื่อให้ตัวเองมีรูปร่างพิเศษไม่เหมือนตัวอื่น สัตว์บางชนิดสามารถพรางตัวให้เหมือนธรรมชาติ บางชนิดมีพังผืดที่มีมือเพื่อว่ายน้ำ หรือบางชนิดมีฟันและกรงเล็บแหลมไว้เพื่อจับเหยื่อ
ส่วนการปรับตัวแบบที่ 2 คือ การปรับตัวภายในร่างกาย (Physiological Adaptation) คือการปรับเปลี่ยนด้านกลไก โครงสร้างภายใน และหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ เพื่อให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น เช่น บางชนิดหายใจได้ในน้ำ หรือบางชนิดมีพิษไว้ป้องกันตัว และการปรับตัวแบบที่ 3 คือ การปรับพฤติกรรม (Behavioral Adaptation) เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องและเหมาะสมต่อสภาพแวดล้อม เช่น การอพยพหนีหนาว หรือการจำศีล
SPOTLIGHT ขอยกตัวอย่างการปรับตัวของสัตว์ที่ปรับตัวอย่างน่าทึ่งมาให้ดูกัน 5 ชนิด ซึ่งเราหยิบยกข้อมูลนี้มาจากนิทรรศการ ‘Adaptation Adventures Exhibition’ ใน ‘SX KIDS ZONE’ ที่นำเสนอข้อมูลความรู้อย่างสร้างสรรค์พร้อมกิจกรรมสนุกๆ ให้เรียนรู้ ใน ‘Sustainability Expo 2025’ (SX2025) มหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน จนถึง 5 ตุลาคม 2025 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
อูฐใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายอันเวิ้งว้าง ดินแดนแสนแห้งแล้งที่พืชและสัตว์อาศัยอยู่ยาก ร่างกายของอูฐจึงต้องวิวัฒนาการเพื่อให้มันอาศัยอยู่ในทะเลทรายได้ โดยปีกจมูกของอูฐเปิดปิดได้ ป้องกันไม่ให้ทรายปลิวเข้าจมูก ดวงตาของอูฐมีขนตายาวและมีเปลือกตาชั้นที่สามสามารถเลื่อนเปิดปิดด้านข้างได้ เพื่อป้องกันทรายเข้าตา
โหนกบนหลังของอูฐ เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นในตัวมันที่ทำให้มันเดินทางไกลในทะเลทรายได้ เพราะภายในโหนกนั้นเป็นก้อนไขมันที่มันเก็บไว้สะสมเป็นพลังงานเวลาเดินทางไกล
เท้าของอูฐใหญ่ แบน และกว้าง มีแผ่นเนื้อหนาใต้เท้า ทำให้มันสามารถเดินบนทรายที่ร้อนได้สบายๆ ขณะที่ผิวหนังหนาๆ ของอูฐก็ทนความร้อนได้ดี และในเวลานอน อูฐจะใช้เข่าและข้อศอกดันพื้นเพื่อให้ลมพัดผ่านตัวได้ ทำให้พุงเย็นสบาย
ในเวลา 3 นาที อูฐสามารถกินน้ำได้มากถึง 200 ลิตร ซึ่งเท่ากับน้ำดื่มขวดขนาด 500 มิลลิลิตรจำนวน 400 ขวด โดยน้ำที่มันกินเข้าไปจะถูกเก็บสะสมไว้ในระบบหมุนเวียนเลือดและตามเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย
หมีสีน้ำตาลเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ในป่าไทกา (ป่าสนเขตหนาว) ดินแดนที่เต็มไปด้วยต้นสนสูงใหญ่เรียงรายแน่นหนา อากาศเย็นเกือบตลอดปี และหิมะตกในฤดูหนาว
หมีสีน้ำตาลสามารถจำศีลในช่วงอากาศหนาวเย็นได้นานถึง 8 เดือนโดยไม่ตื่นขึ้นมากินหรือดื่มอะไรเลย นั่นก็เลยทำให้มันถูกยกให้เป็นแชมป์แห่งการจำศีล โดยเมื่ออากาศเริ่มหนาว หมีสีน้ำตาลจะกินอาหารมากขึ้นเพื่อสะสมพลังงาน จากนั้นมันจะเข้าไปหลบในถ้ำอุ่นๆ และนอนหลับยาวตลอดฤดูหนาว
ในระหว่างจำศีลร่างกายของหมีสีน้ำตาลจะค่อยๆ ดึงไขมันที่สะสมไว้ออกมาใช้เป็นพลังงาน ซึ่งในระหว่างนั้นร่างกายของมันจะทำงานช้าลงมากๆ หัวใจที่เคยเต้นเร็ว 50-60 ครั้งต่อนาที จะเต้นช้าลงจนเหลือแค่ 10 ครั้งต่อนาที
ตุ่นปากเป็ดเป็นสัตว์ประจำถิ่นของประเทศออสเตรเลีย อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่น้ำใสไหลผ่านทั้งบนบกและในน้ำ
ตุ่นปากเป็ดมีขนนุ่มอุ่น ไม่เปียกน้ำ โดยขนชั้นนอกของมันช่วยกันน้ำ ขณะที่ขนชั้นในนุ่มแน่น ช่วยให้อบอุ่นเวลาว่ายน้ำ
ที่ปากของตุ่นปากเป็ดมีเซลล์รับประสาทความรู้สึกมากกว่า 40,000 เซลล์ ช่วยให้มันรับรู้ว่ามีอะไรขยับอยู่ในน้ำที่ขุ่นมัว แม้ว่าจะเป็นการขยับของสิ่งเล็กๆ
นอกจากนั้น ตุ่นปากเป็ดมีพิษด้วย แต่มีเฉพาะในตัวผู้เท่านั้น โดยพวกมันใช้พิษเพื่อต่อสู้กับตุ่นตัวผู้ตัวอื่นๆ ในช่วงผสมพันธุ์ แถมพิษของมันยังรุนแรงพอที่จะทำให้สัตว์นักล่าตัวใหญ่ๆ เจ็บปวดจนไม่อยากกินมันได้เลย
หมึกสายอาศัยอยู่ในระบบนิเวศแนวปะการัง บ้านใต้ทะเลที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำและปะการังสีสดใส
หมึกสายมีผิววิเศษเปลี่ยนสีได้ เพราะใต้ผิวหนังของมันมีจุดเล็กๆ มากมายเหมือนลูกโป่งที่ใส่สีเอาไว้ ถ้าบีบลูกโป่งให้พองออก สีผิวของมันจะสดใสชัดเจนขึ้น ถ้าคลายลูกโป่งให้แฟบลง สีบนผิวจะหายหรือจางไป และหมึกสายบางชนิดไม่ใช่แค่เปลี่ยนสีได้เท่านั้น แต่ยังเรืองแสงได้ด้วย เพราะมีความสัมพันธ์กับแบคทีเรียชนิดพิเศษที่เรืองแสงได้
นอกจากนั้น หมึกสายยังมีผิวที่ยืดหดได้ ทำให้มันสามารถเปลี่ยนผิวของตัวเองให้ขรุขระหรือเรียบเนียนได้ตามต้องการ
ส่วนเหตุผลที่หมึกสายได้สมญานามว่าเป็น ‘นักเลียนแบบแห่งท้องทะเล’ นั้น ก็เพราะว่ามันสามารถเปลี่ยนรูปร่าง สี และการเคลื่อนไหวของตัวเองให้เหมือนสัตว์อื่นได้ โดยเฉพาะสัตว์มีพิษที่สัตว์นักล่ากลัว
เพนกวินจักรพรรดิอาศัยอยู่ที่ขั้วโลกใต้หรือทวีปแอนตาร์กติกา ดินแดนน้ำแข็งที่หนาวที่สุดในโลก ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวและลมแรงตลอดปี
เพนกวินจักรพรรดิมีขนที่หนาและแน่นเหมือนสวมเสื้อกันหนาวหลายชั้น มีชั้นไขมันหนาใต้ผิวหนังช่วยให้ความร้อนในร่างกายไม่หลุดออกไปแม้ในที่อากาศเย็นจัด และขนสีดำบนลำตัวของมันช่วยดูดซับความร้อนจากแสงแดดทำให้ร่างกายอบอุ่น
ในเวลาดำน้ำ เพนกวินจะปรับอัตราการเต้นของหัวใจให้ช้าลงเพื่อประหยัดพลังงาน ทำให้ว่ายน้ำหาของกินในน้ำเย็นได้นานขึ้น
นอกจากนั้น เพนกวินยังสามารถดื่มน้ำทะเลได้ด้วย เพราะมันมีอวัยวะพิเศษที่เรียกว่า ‘ต่อมกรองเกลือ’ ช่วยกรองเกลือออกจากน้ำทะเลที่มันดื่มเข้าไป แล้วขับเกลือออกทางจมูก
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกว่าน่าสนใจใช่มั้ยล่ะ หากใครสนใจจูงมือลูกหลาน (หรือน้องๆ จูงมือผู้ปกครอง) ไปเรียนรู้เพิ่มเติมได้ในนิทรรศการ ‘Adaptation Adventures Exhibition’ ในงาน SX2025 ที่ ‘SX KIDS ZONE’ พื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเด็กๆ ภายใต้แนวคิด ‘Adaptation: ปรับ เปลี่ยน แปลง’ ที่จะพาน้องๆ ผจญภัยไปกับโลกแห่งธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ที่สนุกและเต็มไปด้วยการเรียนรู้
การจัดแสดงและกิจกรรมในนิทรรศการ ‘Adaptation Adventures Exhibition’ แบ่งออกเป็น 3 ห้อง ประกอบด้วย
ดินแดนแห่งการปรับตัว: พาไปทำความรู้จักนักปรับตัวแห่งธรรมชาติ เรียนรู้ว่าสัตว์มีการปรับตัวอย่างไร เพื่อให้อยู่รอดได้ในถิ่นที่อยู่ที่ต่างกัน
ผจญภัยในโลกแห่งการพรางตัว: ห้องมืดที่ชวนน้องๆ มาส่องไฟฉายหาสัตว์ที่พรางตัวอยู่
บอกลาโลกร้อน พร้อมรับมือโลกเดือด: ห้องที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนที่รุนแรงจนกลายเป็น ‘ภาวะโลกเดือด’ ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งต่อสัตว์และมนุษย์ และที่ห้องนี้มีกระดานที่ชวนเขียนความตั้งใจว่าเราจะทำอย่างไรให้โลกนี้ดีขึ้น
นอกจากนั้น ใกล้ๆ กันยังมีนิทรรศการที่น่าสนใจมากเช่นกัน นั่นคือ ‘Crystal x ThaiWhales Presented Sustainability and Whale’s Exhibition’ ภายใต้คอนเซปต์ ‘คริสตัลเซฟพื้นที่สีฟ้า เพื่อวาฬหน้าที่ดีกว่า’ ให้น้องๆ ได้สัมผัสประสบการณ์โลกใต้ทะเลลึก เรียนรู้ความสำคัญของพื้นที่สีฟ้าและการอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตทางทะเลผ่านกิจกรรมไฮไลต์ 4 กิจกรรม ประกอบด้วย
HELLO WHALE’S WORLD: ชมภาพยนตร์สั้นจาก ‘คริสตัล’ ร่วมกับ ‘กลุ่มวาฬไทย’ (ThaiWhales) เพื่อเรียนรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ ‘วาฬบรูด้า’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์สงวนของประเทศไทย
INSIDE THE WHALE: ร่วมสำรวจและทำมิชชั่นในตัววาฬยักษ์ใหญ่ ขนาดเท่าตัวจริง เพื่อเรียนรู้ผลกระทบจากขยะพลาสติกที่เป็นอันตรายต่อวาฬและท้องทะเล
SAVE BLUE SPACE: เรียนรู้การดูแลพื้นที่สีฟ้า แยกประเภทพลาสติก เข้าใจความสำคัญของฝาติดขวด (tethered caps) รู้จักวงจรการรีไซเคิล แปลงขยะให้มีมูลค่า และสนุกกับเกมกิจกรรม
CREATION ZONE: ออกแบบและสร้างสรรค์วาฬในสไตล์ของตัวเอง ผ่านการระบายสีและพับกระดาษ ‘วาฬตัวจิ๋ว’ ในคอนเซ็ปต์ศิลปะการพับกระดาษแบบญี่ปุ่น ‘ออริกามิ’ (Origami)