Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
10 เมืองที่ดีที่สุดในโลกที่เหมาะเรียนต่อ ใน ปี 2025
โดย : ก่อกิจ เกตุบรรเทิง

10 เมืองที่ดีที่สุดในโลกที่เหมาะเรียนต่อ ใน ปี 2025

30 พ.ย. 67
00:00 น.
|
799
แชร์

การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ถือเป็นก้าวสำคัญในชีวิตของใครหลายคน เพราะไม่เพียงแต่เป็นช่วงเวลาแห่งการแสวงหาความรู้ แต่ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพ เปิดโลกทัศน์และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การศึกษาต่อในต่างประเทศ ซึ่งเปรียบเสมือนการเดินทางออกไปผจญภัยในโลกกว้าง เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างและสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์กับผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก

แต่การจะเลือกเมืองที่ใช่ มหาวิทยาลัยที่โดน และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับตัวเอง ก็อาจเป็นเรื่องที่ชวนปวดหัวไม่น้อย โชคดีที่ QS Best Student Cities 2025 ได้จัดอันดับ 10 เมืองสุดยอดสำหรับการศึกษาต่อทั่วโลก โดยพิจารณาปัจจัยสำคัญครบครัน ทั้งคุณภาพการศึกษา ค่าครองชีพ สังคม วัฒนธรรม และโอกาสในการทำงาน ซึ่งจะเป็นเหมือนเข็มทิศ นำทางคุณไปสู่จุดหมายปลายทางแห่งความฝัน

10 เมืองที่ดีที่สุดในโลกที่เหมาะเรียนต่อ ใน ปี 2025

10 เมืองที่ดีที่สุดในโลกที่เหมาะเรียนต่อ ใน ปี 2025

QS Best Student Cities 2025 จัดอันดับ 10 เมืองสุดยอดสำหรับการศึกษาต่อทั่วโลก โดยพิจารณาปัจจัยสำคัญครบครัน ทั้งคุณภาพการศึกษา ค่าครองชีพ สังคม วัฒนธรรม และโอกาสในการทำงาน มาดูกันว่าแต่ละเมืองมีเสน่ห์ดึงดูดนักเรียนทั่วโลกอย่างไร โดย ลอนดอนครองแชมป์! QS Best Student Cities 2025 เผยผลสำรวจ 10 เมืองที่ดีที่สุดในโลกที่เหมาะแก่การไปศึกษาต่อ โดยพิจารณาจากปัจจัยรอบด้าน ทั้งในแง่วิชาการ คุณภาพชีวิต และโอกาสในการทำงาน โดยมีรายละเอียดดังนี้

10 อันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลกที่เหมาะ “เรียนต่อ” ในปี 2025

อันดับ

เมือง

คะแนน

1

ลอนดอน

100

2

โตเกียว

99.2

3

โซล

97.8

4

มิวนิก

97.7

5

เมลเบิร์น

97.1

6

ซิดนีย์

95.4

7

ปารีส

94.6

8

ซูริก

94.5

9

เบอร์ลิน

94.4

10

มอนทรีออล

92.1

QS Best Student Cities 2025 จัดอันดับโดยพิจารณาจากเกณฑ์สำคัญ 6 ด้าน ได้แก่

  1. อันดับมหาวิทยาลัย: เมืองที่มีมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของโลกย่อมเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักศึกษา
  2. ความหลากหลายของนักศึกษาและเมืองที่ตั้ง: สภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและหลากหลายทางวัฒนธรรมช่วยส่งเสริมประสบการณ์การเรียนรู้
  3. ความน่าดึงดูดของเมือง: ปัจจัยด้านความปลอดภัย คุณภาพสิ่งแวดล้อม และมลภาวะ มีผลต่อคุณภาพชีวิตของนักศึกษา
  4. อัตราการจ้างงาน: โอกาสในการทำงานหลังจบการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่นักศึกษาให้ความสำคัญ
  5. ค่าครองชีพ ค่าเล่าเรียน ค่ากินอยู่: ค่าใช้จ่ายในการศึกษาและการใช้ชีวิตเป็นปัจจัยที่นักศึกษาต้องคำนึงถึง
  6. มุมมองของนักศึกษา: ความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่อเมืองนั้นๆ ในด้านความยั่งยืน ความหลากหลาย และอัตราส่วนของนักศึกษาที่ตัดสินใจอยู่เมืองหลังเรียนจบ ล้วนเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีค่า

การจัดอันดับนี้เป็นข้อมูลอ้างอิงที่มีประโยชน์สำหรับนักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง ในการเลือกเมืองที่เหมาะสมกับการศึกษาต่อ โดยควรพิจารณาควบคู่กับปัจจัยส่วนบุคคลอื่นๆ เช่น สาขาวิชาที่ต้องการศึกษา งบประมาณ และความชอบส่วนตัว เพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุด

10 เมืองในฝัน! เหมาะเรียนต่อปี 2025 เจาะเหตุผลทำไมถึงต้องไป

1. ลอนดอน (สหราชอาณาจักร) - 100 คะแนน

  • ลอนดอนครองตำแหน่งอันดับหนึ่งด้วยคะแนนเต็ม สะท้อนถึงศักยภาพในฐานะศูนย์กลางการศึกษาของโลก โดยเป็นที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำระดับโลกมากมาย อาทิ University of Oxford, University College London และ Imperial College London นอกจากนี้ ลอนดอนยังโดดเด่นด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศิลปะ หรือประวัติศาสตร์ จึงเป็นเมืองที่เปิดกว้างสำหรับนักศึกษาจากนานาประเทศ ในด้านเศรษฐกิจ ลอนดอนคือศูนย์กลางธุรกิจและการเงินระดับโลก เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกงานและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในองค์กรชั้นนำ พร้อมทั้งเพลิดเพลินกับกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลาย อาทิ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ โรงละคร และสวนสาธารณะ

2. โตเกียว (ญี่ปุ่น) - 99.2 คะแนน

  • โตเกียวเป็นเมืองที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ สะท้อนผ่านสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของเอเชีย อย่าง The University of Tokyo และ Kyoto University วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น ซึ่งผสมผสานระหว่างขนบธรรมเนียมดั้งเดิมและความทันสมัย คือเสน่ห์สำคัญที่ดึงดูดนักศึกษาต่างชาติ นอกจากนี้ โตเกียวยังเป็นเมืองแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในสาขาที่เกี่ยวข้อง และด้วยชื่อเสียงในด้านความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความปลอดภัย จึงทำให้นักศึกษาต่างชาติสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอุ่นใจ

3. โซล (เกาหลีใต้) - 97.8 คะแนน

  • โซลเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันของวัฒนธรรมร่วมสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระแส K-Pop, K-Drama และอาหารเกาหลี ซึ่งได้รับความนิยมไปทั่วโลก นอกจากนี้ โซลยังเป็นที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ เช่น Seoul National University, Korea University และ Yonsei University และยังเป็นศูนย์กลางแฟชั่น ความงาม และเทรนด์ต่างๆ ของเอเชีย อีกทั้งยังมีค่าครองชีพที่สมเหตุสมผล เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองใหญ่ในทวีปยุโรปและอเมริกา

4. มิวนิก (เยอรมนี) - 97.7 คะแนน

  • มิวนิกโดดเด่นด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีเยี่ยม สะอาด ปลอดภัย และมีระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของเยอรมนี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Technical University of Munich ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเทคนิคชั้นนำระดับโลก ดึงดูดนักศึกษาจากทั่วโลกให้มาศึกษาต่อ นอกจากนี้ มิวนิกยังคงรักษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเยอรมนีไว้อย่างเหนียวแน่น

5. เมลเบิร์น (ออสเตรเลีย) - 97.1 คะแนน

  • เมลเบิร์นได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกหลายปีซ้อน มีจุดเด่นในด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเป็นที่ตั้งของ University of Melbourne ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของออสเตรเลีย ผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง จะเพลิดเพลินกับชายหาด สวนสาธารณะ และกิจกรรมอันหลากหลายในเมลเบิร์น

6. ซิดนีย์ (ออสเตรเลีย) - 95.4 คะแนน

  • ซิดนีย์เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีสถานที่สำคัญเช่น Sydney Opera House และ Harbour Bridge เป็นที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ เช่น University of Sydney และ University of New South Wales ซิดนีย์มีวัฒนธรรมแบบออสเตรเลีย ซึ่งโดดเด่นด้วยความผ่อนคลาย ความเป็นกันเอง และความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นชายหาดหรืออุทยานแห่งชาติ

7. ปารีส (ฝรั่งเศส) - 94.6 คะแนน

  • ปารีสเป็นเมืองหลวงแห่งศิลปะและวัฒนธรรม มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย อาทิ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ หอไอเฟล และเป็นที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาเก่าแก่ เช่น Sorbonne University และ École Polytechnique ปารีสยังเป็นศูนย์กลางแฟชั่นและศิลปะ และมีชื่อเสียงด้านอาหารฝรั่งเศสอันเลื่องชื่อ

8. ซูริก (สวิตเซอร์แลนด์) - 94.5 คะแนน

  • ซูริกโดดเด่นด้วยคุณภาพชีวิตที่สูง ความสะอาด ความปลอดภัย และระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ เป็นที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ เช่น ETH Zurich และ University of Zurich ซูริกยังเป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลก เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ทำงานในแวดวงธุรกิจระหว่างประเทศ และตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามริมทะเลสาบซูริก

9. เบอร์ลิน (เยอรมนี) - 94.4 คะแนน

  • เบอร์ลินเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ มีสถานที่สำคัญเช่น กำแพงเบอร์ลิน Reichstag Building และเป็นศูนย์กลางศิลปะ มีพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และ Street Art เบอร์ลินเป็นที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ เช่น Humboldt University of Berlin และ Free University of Berlin และมีค่าครองชีพที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ในยุโรปตะวันตก

10. มอนทรีออล (แคนาดา) - 92.1 คะแนน

  • มอนทรีออลเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างฝรั่งเศสและอังกฤษ มีความปลอดภัยสูง และค่าครองชีพที่สมเหตุสมผล เป็นที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ เช่น McGill University และ Université de Montréal

แนวทางเลือกเมืองเรียนต่ออย่างไรให้ปัง!

การตัดสินใจเลือกเมืองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษานับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เนื่องจากเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางอนาคตของนักศึกษา QS Best Student Cities 2025 ได้นำเสนอผลการจัดอันดับ 10 เมือง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นศูนย์กลางทางวิชาการที่มีชื่อเสียง พรั่งพร้อมด้วยคุณภาพ และโอกาสที่เอื้อต่อการพัฒนาตนเองอย่างครบวงจร

อย่างไรก็ดี เพื่อให้การตัดสินใจบรรลุผลสัมฤทธิ์สูงสุด นักศึกษาควรพิจารณาปัจจัยเฉพาะบุคคลควบคู่ไปด้วย อาทิ

  • ความเชี่ยวชาญทางภาษา: หากต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษ การเลือกเมืองที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เช่น ลอนดอน ซิดนีย์ หรือมอนทรีออล ย่อมเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากต้องการเรียนรู้ภาษาอื่นๆ เพิ่มเติม ก็อาจเลือกเมืองที่ใช้ภาษาที่สนใจ เช่น โตเกียวสำหรับภาษาญี่ปุ่น หรือปารีสสำหรับภาษาฝรั่งเศส เป็นต้น
  • ข้อกำหนดด้านวีซ่า: แต่ละประเทศมีข้อกำหนดและขั้นตอนการขอวีซ่าที่แตกต่างกัน นักศึกษาควรศึกษาข้อมูลและเตรียมเอกสารให้พร้อมล่วงหน้า รวมถึงเงื่อนไขการทำงานระหว่างศึกษาและหลังสำเร็จการศึกษา
  • มาตรฐานความปลอดภัย: แม้เมืองใหญ่ๆ ในการจัดอันดับจะมีมาตรฐานความปลอดภัยโดยรวมที่ดี แต่ก็ควรศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพื้นที่ที่อยู่อาศัย รวมถึงข้อควรระวังต่างๆ เพิ่มเติม เช่น การหลีกเลี่ยงการเดินทางในยามวิกาล หรือการระมัดระวังทรัพย์สินส่วนตัว
  • เครือข่ายศิษย์เก่า: การมีเครือข่ายศิษย์เก่าที่เข้มแข็งในเมืองที่เลือก อาจช่วยให้ได้รับคำแนะนำ การสนับสนุน และโอกาสในการทำงาน ทั้งระหว่างศึกษาและหลังสำเร็จการศึกษา
  • การเข้าถึงแหล่งข้อมูล: เช่น ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ หรือแหล่งเรียนรู้อื่นๆ ซึ่งมีความสำคัญต่อการศึกษาค้นคว้าและการพัฒนาตนเอง
  • กิจกรรมนอกหลักสูตร: เช่น ชมรม กีฬา หรือกิจกรรมอาสาสมัคร ซึ่งช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ พัฒนาทักษะ และขยายเครือข่ายสังคม

ตัวอย่างเช่น นักศึกษาที่ต้องการศึกษาต่อด้านวิศวกรรมศาสตร์ และสนใจวัฒนธรรมเยอรมัน อาจเลือกเมืองมิวนิก ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี และมีมหาวิทยาลัยเทคนิคชั้นนำอย่าง Technical University of Munich แต่หากนักศึกษาคนเดียวกันนี้ มีงบประมาณจำกัด และต้องการมีโอกาสทำงานหลังเรียนจบ อาจพิจารณาเมืองเบอร์ลิน ซึ่งมีค่าครองชีพที่ต่ำกว่า และมีบริษัท Startup จำนวนมาก เป็นต้น ดังนั้นการเลือกเมืองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการศึกษาต่อ คือการเลือกเมืองที่ตอบโจทย์ความต้องการ ความฝัน และเป้าหมายในชีวิตของแต่ละบุคคล เพื่อให้การเดินทางครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จและความสุขในอนาคต

โดยสรุป การศึกษาต่อในต่างประเทศ มิใช่เพียงการแสวงหาความรู้ในเชิงวิชาการ หากแต่เป็นการเปิดโลกทัศน์ ซึมซับวัฒนธรรมอันหลากหลาย พัฒนาทักษะทางภาษา และสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์อันดี ซึ่งล้วนเป็นประสบการณ์ล้ำค่า ที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพ และนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

อ้างอิง QS Best Student Cities

แชร์
10 เมืองที่ดีที่สุดในโลกที่เหมาะเรียนต่อ ใน ปี 2025